คำคมดีๆ คิดมาให้คิดไป รวม 8

15. กับหลายๆ เรื่อง
ดีที่สุด คือ อย่าเริ่ม

มีหลายๆ ปัญหาที่เราขบคิดว่าจะทำอย่างไรดี กับสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไป
ที่โดยมากแล้วเรามักรู้แต่แรกว่า จะมีปัญหาหากเราทำสิ่งหนึ่งนั้น

เราพยายามอ้างเหตุผลให้ตัวเองนาๆ บนแท้จริงแล้วเพียงความอยากสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม และหวังเอาว่า จะแก้ หรือผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้ง่ายๆ กระทั่งบางทีคิดว่า นี่มันคุ้ม..

แท้แล้ว บางเรื่อง บางสิ่ง ดีทึ่สุดของมันก็ยังคงเป็น “ไม่เกิดขึ้น” ดังนั้น อย่าเริ่ม..

14. ดีที่สุด บางทีก็ยากจะรู้ว่าตรงไหน
แต่ดีขึ้นเป็นเรื่องง่ายที่ใครก็รู้..
ยังไม่ต้องดีที่สุด แต่ต้องดีขึ้น

มีไม่น้อยเลย เวลาที่อยากจะทำอะไรสักอย่างให้ดีขึ้น..
ชอบ “คิด” เอาแต่ว่าจะต้องทำแบบนั้น แบบนี้ หวังให้ “ดีที่สุด”

จะว่าผิดอะไรก็คงไม่ใช่ แต่บางทีมันส่งผลให้ ไม่ทำอะไรเลย เพราะคิดว่ายังไม่ดีพอ เอาไว้ก่อน หรือยังหาจุดที่ดีที่สุดไม่ได้ เอาไว้ก่อน..

รวมถึงคิดจนได้ว่า ต้องอย่างนั้น อย่างนี้ ดีที่สุด พอไม่เป็นดังหวังก็เลยพัง พาล ไม่เอาอะไรเลย..

มันก็เลยไม่มีวันได้ใกล้เคียงดีที่สุดสักที ซึ่งบางทีหากคิดง่ายๆ เพียงว่า ทำให้ดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ช้า ไม่เร็ว มันก็จะเข้าใกล้ในสิ่งที่เรียกว่า ดีที่สุดเอง..

ซึ่งแท้จริงส่วนใหญ่ ก็ไม่มีคำว่าดีที่สุด แต่มันก็คงจะอยู่จุดที่ ดีมากแล้ว มากแล้วจริงๆ ได้แน่นอน

13. บ้างไม่กล้า บ้างอ้างว่าขี้เกียจ นับหนึ่งใหม่
แล้วเมื่อไหร่ จะไปได้ไกล กว่าเดิม

หลายคนรู้ตัวเองดีว่า บางสิ่ง บางอย่างนั้น มันมีขีดจำกัด มีข้อจำกัด หรือเป็นทางตันที่จะไปต่อ ในเรื่องใดๆ ก็ตามในชีวิต แต่ “ยาก” ในการที่จะยอมรับ “พยายาม” สร้างเหตุผลต่างๆ นาๆ ให้ตัวเอง เช่น คิดเอาว่า มันเสียเวลามามากแล้ว, อาจไม่ดีเหมือนเดิม จึงเป็นเหตุผลที่ “ขี้เกียจ” หรือ “ไม่กล้า” นับหนึ่งใหม่

ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาก็เสียเวลาอยู่กับตรงนั้น และจะเสียเวลาตลอดไป หรือ ไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าจุดนั้น และมันมีแต่จะถดถอยกว่าเดิมอยู่ดี..

แท้แล้วนี่คือการรอ ที่จะทนไม่ได้ หรือหมดความหมาย และถูกบีบให้ค่อยๆ นับหนึ่งใหม่ บนความไม่เต็มใจ หรือไม่พร้อม ไม่ได้วางแผนอยู่ดี และนี่ก็ทำให้ชีวิตวนไป..
จงกล้าที่จะนับหนึ่งใหม่ด้วยตัวเองเสมอ เพราะไม่ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหนเราก็ต้องนับหนึ่งใหม่ กับเรื่องใหม่ๆ เพื่อความก้าวหน้าต่อไปอยู่ดี วันนี้ผมก็นับหนึ่งใหม่ กับเรื่องใหม่ๆ เช่นกัน

12. คนที่กำลังพา ตัวเอง ก้าวหน้า
มักจะมีเวลายุ่งเรื่องคนอื่น น้อยลง

ขึ้นชื่อว่าเรื่องคนอื่นนั้น มันมีประโยชน์อะไร?
นอกจากคำแย้งที่ว่า “ไม่ใช่คนอื่น”
กระนั้นก็ตามในภาวะที่อยากก้าวหน้า ก็ใช่ว่าต้องไม่สนใจใคร
แต่การสนใจ ทุกเรื่อง ทุกคน แล้วจะก้าวหน้านั้น หากทำได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยม แต่ส่วนใหญ่แล้ว.. ไม่เป็นเช่นนั้น

ที่ร้ายกว่า มัวแต่สนใจคนอื่น จนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่จุดไหน แม้กระทั่งไม่รู้ว่าตัวเองไม่ไปไหน และกำลังถอยหลังก็มี นี่จึงเป็นผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามของคนที่กำลังก้าวหน้า เขาจึงไม่มีเวลาให้อะไรมากนัก..

11. อย่าพยายามมีอนาคต
บนความยึดติดกับอดีต
เพราะจะได้แต่ปัจจุบันอันสับสน

ขึ้นชื่อว่าความยึดติดใดแล้ว ล้วนสะท้อนถึงว่า สิ่งนั้นสามารถ “ถ่วง” หรือแม้กระทั่งหยุดไม่ให้ คิด ตัดสินใจ หรือกระทำอะไรก็ตาม

“อดีต” ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่สามารถดึงรั้งให้คนนั้นไม่สามารถก้าวเดินต่อไป หรือก้าวต่อไปลำบาก

ดังที่กล่าว การที่เราพยายามเดินไปข้างหน้าบนคำว่า “อนาคต” แล้วยังมีสิ่งใดรั้งไว้ ก็ไม่ต่างจากการ ขว้างบอลที่มีเชือกผูกกับเสา มันอาจไปได้ไกลเท่าเชือกยาวถึง และดึงกลับมา จนในไม่ช้าเชือกก็พันกัน มันก็จะไปได้ใกล้กว่าเดิม คงพอคิดออกได้กับใครที่ชีวิตวนเวียนแย่ลง

ปัจจุบันของคนที่เป็นเช่นนี้นั้น มันก็จะเป็นไปในรูปแบบที่ เสมือนเดี๋ยวเดิน เดี๋ยวถอย คล้ายจะดีแต่ไม่ดี คล้ายจะได้แต่ไม่ได้สักที และโทษนั่นนี่ นี่แหละคนสับสน..

10. หลายคนชอบสงสัยว่าชีวิตคนอื่นเป็นอย่างไร แต่ไม่เคยสงสัย ว่าทำไมชีวิตตัวเองไม่ดีขึ้น

มีอยู่ประมาณหนึ่ง และเราก็จะเจอกันอยู่บ่อยๆ

09. ผลของคำว่า “อดทน”
อาจขึ้นอยู่บนเหตุผลว่า
“จำเป็น” หรือ “จำใจ”

การจะทำสิ่งใดให้สำเร็จแล้วเข้าใจได้ว่า มันย่อมต้อง “อดทน” กับบางสิ่งบางอย่าง หรือมีช่วงเวลาที่ต้องผ่านความอดทน กับสิ่งต่างๆ บ้างนั้น มันสะท้อนได้ง่ายๆว่า “เป้าหมายของความอดทน” นั้น มันมีอยู่ ซึ่งมันมักคุ้มค่าเราจึงเลือก และเข้าใจว่า จำเป็น ต้อง อดทน

แต่หากเมื่อใดก็ตาม ความ “อดทน” เกิดขึ้นบนความ “จำใจ” หรือภาวะจำยอม ที่ตอบตัวเองไม่ได้เลยว่า มันจะสิ้นสุดอย่างไร

สิ่งนี้ก็สะท้อนได้เช่นกันว่า เราไม่ใช่ผู้กำหนด เราสูญเสียการควบคุมแม้กระทั่งตนเอง จึงต้องตกอยู่ในภาวะนี้ ผลลัพธ์จากความอดทนแบบนี้ ก็ต้องถามตัวเองดีๆ ว่า เพื่ออะไร..

08. คนที่อยากเป็นอย่างคนอื่น
คนที่วิ่งไล่ตามคนอื่น
กระทั่งเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น
เพราะเขาหาความพิเศษในตัวเองไม่เจอ
ซึ่งเราทุกคนมี…

เป็นเรื่องที่บุคคลนั้นยากจะเข้าใจ หากตกอยู่ในภาวะไม่มีตัวตน ไม่ว่าต่อสังคมหรือต่อใครคนหนึ่ง..
เขาจึงพยายามที่จะมีตัวตนในแบบที่เชื่อว่า สังคมจะยอมรับ หรือใครคนนั้นจะยอมรับ แท้แล้วนี่เพราะ “ผลอาจเริ่มจากเหตุ” ไม่ใช่เป็นเรื่องที่มีเหตุแล้วจึงเกิดผล..

หมายความว่า “เหตุ” เพราะเขาไม่รู้ตัวว่าจริงๆ แล้วเขานั้นมีความพิเศษ หรือมีคุณค่า มีความสำคัญ อยู่กับใคร หรือจุดไหน อย่างน้อยก็ต่อตัวเขาเอง มีบางอย่างบดบังมันตั้งแต่ต้น “ผล” จึงทำให้เขาไม่สามารถผลักดันตัวตนในความพิเศษนั้นจนนานเกินไป และใช้ชีวิตอย่างคิดว่าตนเป็นคนไม่สำคัญ ไม่ดีพอ ต่อใครหรืออะไร และอาจเพียงพยายามทำในสิ่งที่คิดว่า “มีความหมาย” บางอย่างไปวันๆ

ที่โชคร้ายกว่าคือเขาไม่มีวันเป็นหรือเหมือน หรือได้คนที่เขาไล่ตามนั้นเลย ไม่มีวัน…

07. บางครั้งเราจะได้คำตอบ
จากการเปลี่ยนคำถามใหม่

มันมักจะมีหลายเรื่องในชีวิต ที่เราคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจว่าคำตอบมันคืออะไร ไม่ว่าจะจากตัวเองหรือคนอื่น

เช่น ชีวิตรัก กับคำถามที่ว่า “ทำไม ทำแบบนั้น แบบนี้ กับเรา? มีคนอื่นหรือเปล่า?” บางทีถ้าถามว่า “หมดรักกันแล้วใช่ไหม?” อาจจะง่ายเสียกว่า
หรือในชีวิตทั่วไปหรือในการทำงาน บางครั้งเราก็เฝ้าถามถึงสิ่งต่างๆ “ที่เป็นสาเหตุ” กับความไม่แน่นอนจากคนอื่นเหล่านั้น บางทีการถามว่า “ควรทำอย่างไร” อาจได้คำตอบที่ที่ง่ายชัดเจนกว่าเช่นกัน..

06. การถอย…
ไม่ใช่ยอมแพ้ เสมอไป
แค่รู้ว่าเมื่อไหร่ มันควรพอ

ในชีวิตเราทุกคนล้วนมีหลายเรื่อง หลายปัจจัย ความต้องการที่จะสำเร็จก็เช่นกัน ใช่มีเรื่องเดียว และมีหลายปัจจัยที่เป็นข้อจำกัด นั่นจึงทำให้เราไม่อาจสำเร็จได้ในทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องที่ต้องการจะให้สำเร็จที่สุดก็ตาม มันอาจมีบางสิ่ง บางอย่าง สะท้อนให้เรารู้ว่า ควรหยุด ควรพอ..

และไม่ควรที่จะเอาตัวเองไปแขวนกับ คำพูด สายตา หรือการแสดงออกใดๆ จากใครก็ตาม เพราะหากเรามีทิฐิ ที่เป็นความดันทุรังเช่นนั้น ก็รังแต่จะทำให้เราเสียหายไปกว่าเก่า และไม่มีใครช่วยเราได้ อีกทั้งไร้ประโยชน์ที่ต้องอธิบายใครต่อใคร

เพราะมันไม่ช่วยให้สิ่งนั้นกลับมาสำเร็จได้ ซึ่งหากตรองดูให้ดี การถอยในจุดที่ดีเวลาที่เหมาะสมนั้น มันมีข้อดีที่ทำให้เราได้มีเวลาเริ่มใหม่ หรือใส่ใจในสิ่งที่เหลืออยู่ให้สำเร็จต่อไป

05. เปลี่ยนแผน มีวันสำเร็จได้
เปลี่ยนเป้าหมาย เมื่อไหร่จะสำเร็จ?

หลายคนมีไอเดีย แต่ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หลายคนมีเป้าหมาย แต่ไม่วางแผน หลายคนมีแผน แต่เจออุปสรรคไม่เท่าไรก็ล้มเลิก ความสำเร็จในธุรกิจ การพัฒนาชีวิต หรือใดๆ ก็ตาม หากมีเป้าหมาย เราก็สามารถวางแผนได้ เมื่อแผนไม่เป็นไปตามที่คาด ภาวะแบบนี้เราเรียก “ไม่สำเร็จชั่วคราว” มันทำให้เรากลับมาวางแผนใหม่ ให้ดีกว่าแผนเดิม.

ส่วนหลายคนพอทำสิ่งหนึ่งไม่สำเร็จก็คิดแต่เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ บ้างก็ไม่เคยวางแผนด้วยซ้ำ นั่นมันเท่ากับเราต้องมานับ 1 ใหม่ กับเรื่องใหม่ๆ ทุกครั้ง
ต่างจากการวางแผนไปแล้วไม่สำเร็จ การวางแผนใหม่ส่วนใหญ่จะได้รู้ ได้เข้าใจ ได้ผลดีกว่าเดิม ซึ่งอย่างไรก็คงไม่ใช่นับ 1 ใหม่เป็นแน่ แม้ยังไม่สำเร็จตอนนี้ แต่ก็รู้วิธีที่ดีขึ้น เข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น..

04. ช้า.. ไม่ได้แปลว่า จะไปไม่ถึง

หยุด เลิก เท่านั้นที่ทำให้มันไม่เป็นจริง ท้อก็พัก หนักก็ค่อยๆ ไป ชีวิตมีอะไรไม่คาดคิดมากมาย ปัจจัยอะไรๆ อาจไม่เท่ากัน ขอเพียงอย่าเพิ่งทิ้งมัน สักวันก็ต้องถึง ที่หวังไว้

03. ตัวเองดีไม่ได้ ไม่เป็นไร..แต่อย่าไปคิดว่าใคร ดีขึ้นไม่ได้ เหมือนตัวเอง

คำว่าจุดเปลี่ยน จะเกิดขึ้น ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ว่าแรงผลักดันด้านดี หรือแรงกดดันด้านลบ แต่กระนั้นบางครั้งมันก็ไม่มีแรงมากพอที่จะเปลี่ยนบางคนได้..

ถ้าคนๆ นั้นไม่เคยมีความตั้งใจที่ดีพอ มันเป็นความจริง ถ้าหากคิดย้อนมองดีๆ หลายครั้งโอกาสเข้ามา แต่ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนมัน

อย่าดูถูก และตัดสินใครก่อนจะได้ทบทวนตัวเองให้ดี ว่าใครๆ ก็ดีขึ้นได้หากตั้งใจจริง

02. ปัญหาชีวิตเราล้วนมีกันทุกคน
ขึ้นอยู่กับว่า
ใครจะจัดการมันได้ดีกว่ากัน

ส่วนหนึ่ง จากบทความ
ปัญหา(มะเร็ง)ชีวิต

01. ต้นไม้งาม ไม่ได้มีเฉพาะสีเขียว
ความสำเร็จของเรา
ก็ใช่ว่าต้องเป็นสิ่งเดียว กับคนอื่น

หลายคนเลือกมุ่งมั่นกระทำเพียงเพราะตามรอยสิ่งที่คนอื่นว่าดี ยกย่อง
ในบางทีเมื่อลำบากและไปได้จนถึงจุดนั้น อาจเพิ่งรู้ว่ามันสูญเสียอะไรไปมากมาย และไม่ใช่เป้าหมายที่ปรารถนา..

เราต่างเกิดมาแค่คล้ายกัน แต่มีหลายสิ่งอย่างต่างกัน ความคิด, ความสามารถ ไม่เว้นแม้กระทั่งความสุข ความสำเร็จ หาตัวตนแท้ให้เจอ และทำเพื่อสิ่งนั้น กันดีกว่า..