Site icon Sirichaiwatt

เมื่อลบไม่ได้ช่วยให้ลืม

ที่จริงบทความเรื่องนี้ควรชื่อ ความจำ กับ ความทรงจำ และการ Move on ที่อยากลองคิดตามดูว่า ทำไมเวลาที่เราสูญเสียความรัก และพยายามลบเลือนอะไรแล้วมันไม่ได้ผล…

“เรารู้สึกอย่างไร เมื่อเห็นรูปเรากับแฟนเก่า?” คำตอบในใจคงต่างกันไป…

สำหรับคนที่เพิ่งเลิกกัน นอกจากรูปแล้ว สิ่งของที่เคยให้กัน มีความทรงจำร่วมกัน เรารู้สึกอย่างไรกับสิ่งของเหล่านั้น โดยอย่างยิ่งในคนที่ยัง Move on หรือผ่านไปไม่ได้…

บทความความรักเรื่องนี้ ไม่ใช่แนวคมคิด หรือคมคาย แต่กล่าวในมุมของคนมีรักธรรมดา ที่ย่อมล้วนมีความรู้สึกและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน บางเรื่องที่ยังไม่เคยประสบ ไม่เคยรู้สึก วันหนึ่งอาจรู้สึกขึ้นมากับตัวก็ได้..

ในคนที่จบกับรักไปแบบ “ไม่สวย” ความทรงจำที่ “ไม่ดี” ย่อมกลบเกลื่อน “สิ่งดี” จนไม่อยากจะจดจำ หรือหลงเหลือความรู้สึกอะไรกับสิ่งของและช่วงที่ผ่านมา อยากเพียงพ้นไป ให้เร็ว ให้เร็ว แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนี้กับทุกคน หรือทุกครั้ง…

สำหรับรักที่เพิ่งสูญเสีย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย หากยังมีความผูกพัน ความทรงจำ ความรู้สึกที่คล้ายว่า นี่มันเกิดขึ้นจริงแล้วหรือ? ในกลิ่นที่ยังไม่จางหาย ภาพที่ย้อนไปเหมือนเมื่อวาน และยังรู้สึกได้ถึงสัมผัส ความคุ้นเคย กับสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ นั้น จะเรียกว่า เจ็บก็ไม่ใช่ ปวดก็ไม่ปาน เป็นความทรมานในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งต้องคนอยู่ในภาวะนั้นเท่านั้นจึงจะเข้าใจ

เมื่อรู้สึกแย่จนถึงจุดหนึ่ง สิ่งซึ่งคิดได้ว่าควรทำคือการ “ลบ” หนี ออกจากความทรงจำเหล่านั้น แน่นอนว่าเราควรทำเพื่อตัวเอง แต่มันจะช่วยอะไรเราได้แน่หรือ?

เมื่อลบไม่ได้ช่วยให้ลืม

ลบอาจไม่ได้ช่วยให้ลืม เหมือนชื่อเพลง* เพราะบางคนที่พยายามลบทุกสิ่ง ทิ้งทุกอย่าง เปลี่ยนเส้นทางเพื่อเดินหน้า แต่ว่าก็ดันเหมือนคนที่เกิดมีความจำดีในเวลาที่ไม่ต้องการ ภาพเหล่านั้นยังคงกลับมาให้รู้สึกได้อยู่อีกเสมอ ๆ เสมือนว่าลบไม่ช่วยอะไร

การลบบางสิ่งหรือเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมอาจไม่ช่วยให้ลืมได้ในทันที แต่ย่อมดีกว่าไม่ทำเลย เพราะการไม่มีภาพเดิมมาตอกย้ำ ก็ย่อมทำให้ลืมเลือนได้ดีกว่า เร็วกว่าอย่างแน่นอน

แต่ลบหรือเปลี่ยนแปลงก็เพียงทำให้เราไม่เห็นสิ่งเดิม ๆ เพราะแม้สิ่งที่ตาเห็นจะเปลี่ยนไป แต่ร่องรอย “ความทรงจำ” นั้นยังเหมือนเดิม การลบมันอาจไม่มีผลต่อความทรงจำ บางทีสิ่งที่ดีกว่า คือ “สร้างความทรงจำใหม่”

ความจำ กับ ความทรงจำ และการ Move on

ก่อนอื่นเราต้องแยกให้ออกว่า อดีตนั้นมีทั้งความจำ และความทรงจำ ซึ่งในที่นี้ขอให้ความหมายของ ความทรงจำ ว่าเป็น “การจดจำแบบมีความรู้สึกเข้าร่วม” ส่วน “ความจำ เป็นเพียงการจำได้” ซึ่งถ้าคิดตามเราจะพบว่า “ความจำ” มันลบไม่ได้ แต่ “ความทรงจำ” มันเลือนหายได้ เหมือนที่เราเคยปลื้มใคร ประทับใจบางสิ่ง หรือชอบบางอย่าง แล้ววันนี้เราจดจำได้ แต่ไม่ได้รู้สึกกับสิ่งนั้นเหมือนเดิม

ถ้าเห็นในมุมนี้แล้ว จะเข้าใจได้ไม่ยากว่าเบื้องต้น ทำไมเขาจึงกล่าวกันว่า การมีคนใหม่คือการ Move on หรือไปต่อที่ง่ายที่สุด พร้อมกับเป็นเหตุผลว่า ทำไมฝ่ายที่ทิ้งไปมีใหม่ เขาช่างเหมือนไม่เหลือความรู้สึกใดกับเราเลยนะ…

เพราะความทรงจำ “ได้ถูกเขียนทับ” ด้วยความรู้สึกอื่น หรือเขียนใหม่กับคนอื่น สิ่งอื่นไปแล้ว จนเหลือแค่ “ความจำ” ฝ่ายที่ไปเขาก็ไม่ลืมหรอก แต่ไม่เหลือความรู้สึกเดิมแล้ว เปรียบกันถ้าเราผ่านอดีตกับใครมาได้ เราก็จำเขาได้แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายเหมือนก่อนแล้วนั่นเอง

ทีนี้ใช่ว่าเราจะต้อง “เขียนทับความทรงจำ” ด้วยการมีคนใหม่เสมอไปแต่บางทีแค่ “สิ่งใหม่” ก็อาจช่วยได้…

การที่เราลบบางอย่าง เปลี่ยนบางสิ่งออกไป จึงอาจไม่พอ และควรจะมี “อีกสิ่ง” เข้ามาแทนที่แบบที่เราเองก็ “มีความรู้สึกต่อสิ่งนั้น” ไม่ใช่แค่มีเพื่อนแทนที่เดิม หรือทำให้เบี่ยงเบนเราจากสิ่งเดิม ๆ เฉย ๆ เช่น การมีงานอดิเรกมาแทนที่ ต้องเป็นสิ่งที่เคยอยากทำจริง ๆ รวมถึงการวางแผนทำอะไรใหม่บางอย่าง เช่น การออกเดินทาง การหางานใหม่ การเปลี่ยนสังคม กระทั่งเปลี่ยนเป็นมุ่งหน้าหาเงิน เราต้องทำบนความรู้สึกแบบหนึ่ง ที่เป็นในเชิงมีเป้าหมายกับสิ่งนั้น ถึงจะช่วยให้เราค่อย ๆ ลบเลือนความทรงจำเก่า ๆ เหล่านั้นได้รวดเร็ว…

เพราะ “ความจำ” มันคงลบกันไม่ได้ แต่ “ความทรงจำ” มันเลือนหายไปได้เมื่อความรู้สึกเปลี่ยนไป หรือเรากำลังอยู่ในภาวะสร้างความทรงจำกับสิ่งอื่นแทนที่

สุดท้ายเชื่อว่า ไม่นานบน ความทรงจำ ที่กลายเป็น “ความจำ” ไปแล้วนั้น มันก็มีสิ่งดี ๆ ที่อาจกลายเป็น “ความทรงจำใหม่” ที่ได้ถูกเขียนทับไปแล้วบนอีกความรู้สึก ให้เราได้เพียงนึกถึง แล้ว ยิ้มกับมัน เหมือนเพื่อนเก่าในวันวาน บนความรู้สึกที่ต่างไปได้เสมอ และมีไม่น้อยจากที่เคยย่ำแย่ เราอาจกลับรู้สึกขอบคุณ ความทรงจำวันนั้น ที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเป็นเราในวันนี้…

(*เพลง “ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม” ของ INK WARUNTORN ชื่อเพลงเป็นแรงบันดาลใจของบทความนี้ แต่บทความกับเนื้อหาความหมายเพลงไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกัน ผู้เขียนเพียงนำเสนอมุมมองหนึ่งเท่านั้น)

บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 11/06/2021

Exit mobile version