เราคงเคยพบว่า เมื่อทำอะไรไม่ได้วางแผนหรือมองการณ์ไกล ถึงเวลาเลยรับมือไม่ได้, ไม่ทัน มันก็เสียหาย แต่ในอีกด้านบางที ทั้งตั้งใจ และวางแผนเอาไว้ดิบดีก็มีอะไรมาทำให้พังไม่เป็นท่า มันก็ทำให้รู้สึกย่ำแย่ เพราะว่า อุตส่าห์ลงทุนอะไรไปมากมาย…
ถ้าจะบอกว่าเหตุเพราะ วิกฤติไวรัสระลอกใหม่กว่า ที่ต่อจากระลอกใหม่ หลังจากระลอกแรก… เอ่อ มันก็คือวิกฤติคราวเดียวกัน แต่มันคงต้องแบ่งเรียกเพื่อเหตุผลทาง… ทางความรับผิดชอบกระมัง จะได้โทษนั่นนี่กันได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เสียหายกว่าการป่วยทางกาย คือ “การป่วยใจ และแรงกดดันในการดำเนินชีวิต” ของใครหลายคน
ถึงแม้ไม่มีวิกฤตินี้ คนเราย่อมมีความแตกต่างกันในยามประสบปัญหาชีวิต ถึงจะต่างกรรม ต่างวาระ ทว่าบางคนต้อง “ล้ม ลุก คลุก คลาน” แต่บางคนแค่ “ซวนเซ เป๋ แล้วก็ไปต่อ…” คงตอบชัด ๆ ได้ยากว่า เหตุผลเพราะอะไร บางคนอาจแค่โชคดี บางคนปัญหาของเขาอาจไม่หนักหนาจริงก็ได้ บางคนอาจมีต้นทุนดี แต่สิ่งเหล่านี้อยู่ที่ “แค่เรามองเขา” เขาอาจไม่ได้ต้นทุนดี, อาจเจอปัญหาหนักมากอยู่ หรือไม่มีโชคอะไรช่วยก็ได้ ที่สำคัญถ้านี่เป็นเวลาที่ปัญหาเกิดกับเรา มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยในการมัววิเคราะห์คนอื่น หรือเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยอย่างยิ่งในเวลาที่เราแย่กว่า…
เพราะในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยปัญหา หรือสถานการณ์ที่คาดเดาอะไรยาก สิ่งที่ต้องมีมากคือ “สติ” และการ “มองตัวเอง” เท่านั้น เขียนเช่นนี้ดูง่าย เอะอะก็ให้มีสติ มองโลกแง่ดี เรื่องเช่นนี้ใครก็รู้ ดูอ่านกันจนเบื่อ แต่มันก็เริ่มที่ตรงไหนไม่ได้นอกจาก “ตรงนี้” นี่แหละจริง ๆ
เดินช้าให้มองใกล้ เดินไวให้มองไปข้างหน้า
อันที่จริง “สติ” ใช่มีเพียงบางเวลา หากต้องพยายามมีให้ตลอดเวลา ถ้าตอนนี้ยังไม่มีเมื่อไหร่จะมี? โดยแง่คิดหนึ่งที่อยากให้ไว้จากเรื่องนี้คือ ในช่วงชีวิตที่ยังปกติดีเสมือนเส้นทางชีวิตราบเรียบหรือก้าวหน้า ก็เหมือนเราวิ่ง หรือเดินไปข้างหน้าได้ไว ในช่วงนี้เราควรมองไปให้ไกล มองไปข้างหน้ามาก ๆ เพราะยังไม่รู้ว่าจะเจออะไร ยิ่งไปได้เร็วยิ่งต้องคิดเผื่อ มองอนาคตให้มาก หากไม่อยากล้มแรงตอนสะดุด เพราะส่วนใหญ่จะระเริงกันอยู่มากกว่า…
ในทางตรงกันข้าม เวลาที่ปัญหาถาโถม มีปัจจัยแย่ ๆ หลายอย่างก็ควร หยุด ลด นี่ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรไกล ๆ จินตนาการไม่ควรนำมาใช้ (ที่พอเอามาคิดตอนนี้ก็มักจะเป็นเชิงลบ) มองตัวเรา มองรอบตัว ๆ อะไรที่ต้องแก้ก่อน หรือในเวลานี้เราทำได้ เหมือนเดินช้า ๆ ก็มองใกล้ ๆ สำรวจหาสิ่งเล็กน้อยที่พอทำได้ไปเรื่อย ๆ อย่างระมัดระวัง… นี่ล่ะ “เดินช้าให้มองใกล้ เดินไวให้มองไปข้างหน้า”
เพราะชีวิตไม่ว่าช่วงเวลาไหนเราก็คาดเดาอะไรไม่ได้อยู่แล้ว มันจึงต้องปรับตามสิ่งที่เป็นจริง วันนี้เดินช้า วันหน้าเดินเร็ว วันนี้ทุกข์ใจ ก็ต้องผ่านให้ได้ วันหน้าที่จะสุขใจก็ยังพร้อมรออยู่ มีง่าย มียาก สลับกันไป “เลิกเดา” แล้วปรับตัวตามเท่าที่เราทำได้ แล้วทำให้เต็มที่ ดีที่สุด…
บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 14/05/2021