Site icon Sirichaiwatt

เมื่อเครียดที่สุด ลองหยุดนั่งดูหนัง

ผมเป็นคนชอบดูหนัง(ภาพยนตร์) แต่ไหนแต่ไร สะสมมาจนปัจุบันมักจะลืมว่าเคยดูเรื่องนั้นเรื่องนี้หรือยัง มากเข้าๆ ปัจจุบันเลยต้องทำบันทึกหนังที่ตัวเองดูเอาไว้ เผื่อเวลาสงสัยจะได้ไปค้นหาดูได้ว่าเคยดูไปหรือยัง เพิ่งสะสมรายชื่อหนังที่ตัวเองดูได้ 2 ปีกว่าๆ โดยปีที่แล้วดูไป 144 เรื่อง (รวม Series) และปีนี้จนถึงตอนนี้ (4 พฤศจิกายน 2559) 158 เรื่อง ล่าสุดที่เพิ่งดูไป คือหนังสารคดี เรื่อง Amy (2015) ประวัติของนักร้อง นักแต่งเพลงหญิง Amy Whitehouse ที่เธอได้เสียชีวิตไปแล้ว ผมชอบแนวเพลง Jazz อยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้เป็นแฟน Amy เท่าไหร่นัก ชอบเพลงเธออยู่แค่เพลงสองเพลง และหนังทำให้เพลงที่ชอบนั้น ยิ่งชอบเข้าไปอีกจากการได้รู้ที่มาของเพลงจากหนัง วันนี้ไม่ได้มาคุยหรือวิจารณ์เรื่องหนัง แต่จะมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันหนึ่งจนมาเป็นบทความน่าอ่านไปลองคิด ลองทำดู แบ่งปันการพาตัวเองให้พ้นภาวะ เมื่อเครียดที่สุด ลองหยุดนั่งดูหนัง…

ฟังบทความนี้ในรูปแบบ Podcast ตามช่องทางเหล่านี้

หยุดไปดูหนัง?

แต่ทำไมต้องดูหนัง เมื่อเครียดที่สุดช่วยได้จริงหรือ? ต้องดูหนังเท่านั้นใช่ไหม? ดูหนังแนวไหน? หรืออื่น ๆ ที่อาจเริ่มสงสัยขึ้นมา เอาเป็นว่าเล่าที่มาที่ไปก่อน

ก่อนที่ผมจะศึกษาหรือสนใจในเรื่องจิตวิเคราะห์ ทัศนคติ จริงจัง ผมก็เป็นแค่คนหนึ่งที่ชอบสังเกต และก็เป็นคนที่มีความเครียด (หนัก ๆ) อยู่เหมือนกัน แม้จะน้อยครั้ง แต่นิสัยที่ไม่ค่อยปรึกษาใคร ชอบแอบคิดหาทางออกคนเดียวเสมอ ๆ จนบางทีมันใช้เวลาหลายวัน ถือว่าทำให้สุขภาพจิตแย่ไปช่วงหนึ่งได้ กระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินซื้อของเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างฯ แต่ในหัวก็กำลังครุ่นคิด เครียดกับปัญหาที่ยังคิดไม่ตก ก็ได้ผ่านหน้าโรงหนังแห่งหนึ่ง เกิดอะไรดลใจบางอย่างให้ซื้อตั๋วหนังเข้าไปดูคนเดียวด้วยอารมณ์คลุมเครือ ๆ กับตัวเอง

หนังเรื่องนั้นไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับสิ่งที่กำลังคิด หรือเครียดอยู่(จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร) แต่มันกลายเป็นว่าพอหนังจบ ทุกอย่างดูเบาลง เท่าที่จำได้ในตอนนั้นเหมือนจะปล่อยวางบางอย่างลงไป รู้สึกค้นพบทางออกโดยบังเอิญ จากวันนั้นเมื่อใดรู้สึกเครียด จึงใช้วิธีนี้เรื่อยมา หรือคิดอะไรไม่ออก ก็หยุดหาหนังดู ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมอาจแตกต่างคือ เวลาดูหนัง ส่วนใหญ่จะเป็นคนค่อนข้างตั้งใจดู และมักจะหยุดสนใจเรื่องอื่น ๆ ไปเลย แล้วสนใจ (Focus) แต่หนังที่ดูนั้น

เมื่อเครียดที่สุด ทำไมต้องดูหนัง?

ถ้ามองแบบเข้าใจในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างกับการคิดแบบง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรเลยคือ การที่เราได้หยุดจากอะไรก็ตาม มันก็เหมือนการได้พัก เมื่อได้พักมันก็จะมีแรงที่ดีกว่าเดิม ไม่เว้นแม้แต่สมอง ความคิด จิตใจ ดังนี้จะบอกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นการดูหนังก็ได้ เพียงแต่การดูหนังมันมีรายละเอียดข้อดีอยู่ (เว้นเสียแต่ ว่าเป็นคนไม่ชอบดูหนัง) เช่น หากเปรียบกับการฟังเพลง การฟังเพลงนั้นใช้เพียงประสาทหู ยิ่งเพลงที่ฟังซ้ำ ๆ เราอาจคุ้นชินจนไม่ได้ฟังมันจริง ๆ นั่นย่อมมีโอกาสให้ความคิดวนกลับไปเรื่องเดิม ๆ หรือเพลงบางเพลง มีเนื้อหาไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างคนกำลังเครียดเพราะอกหัก ยิ่งฟังเพลงอกหัก ก็ยิ่งตอกตัวเองให้จมไปในที่เดิมเป็นต้น แต่กับหนังหรือภาพยนตร์เราใช้ทั้งตาดู หูฟัง ร่างกายได้พัก สิ่งแวดล้อมย่อมต้องอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่มีอะไรรบกวน และยิ่งเป็นหนังที่คิดติดตามไปกับเรื่องทำให้เราลืมเรื่องอื่น ๆ ไปได้ชั่วคราวเป็นอย่างดี

ความลับคือการ “หยุด”

นอกจากนี้ในเวลาเครียด หลายคนอาจคิดว่าหาหนังเบา ๆ ตลก ๆ ดูทำให้หายเครียดได้ ซึ่งหากเป็นความเครียดแบบปกติ ที่น่าจะเรียกว่า เหนื่อยมากกว่าเครียด มันจะเป็นการผ่อนคลายได้ตามที่ต้องการ ทว่า หากเครียดแบบในที่นี้ที่เครียดที่สุด แบบต้องการทางออกหรือคิดไม่ออกนั้น ควรจะหาหนังที่มีเรื่องราว จะดราม่า ผจญภัย สยองขวัญ ตื่นเต้น บู๊ ก็ได้หมด หนังเบา ๆ ตลก ๆ ก็ไม่เป็นปัญหาถ้าไม่ใช่แค่ตลกไร้สาระ ประเด็นคือ “ต้องมีเรื่องชวนติดตาม” เพราะนี่มันจะทำให้เราไปสนใจ “เรื่องอื่น” สักพักได้อย่างแท้จริง นั่นคือข้อดีหลักของหนัง แต่สิ่งสำคัญอีกประการที่ต้องประกอบกันอย่างยิ่งคือ ต้องหยุดและจดจ่อไปที่หนังให้ได้ หรือถ้าใช้วิธีอื่นโดยไม่ใช่การดูหนังก็ต้องพึ่งสิ่งนี้เช่นกัน คือ หยุดไปสนใจสิ่งที่ทำตอนนั้นแทนก่อน

อาจมีคนที่รู้สึกว่า “ยิ่งดู ยิ่งเครียด.. หนังอะไรไม่รู้ดูไม่รู้เรื่อง.. ถ้าเจอหนังห่วย ๆ จะทำยังไง..” สิ่งเหล่านี้ต้นเหตุแท้จริงมันจะมาจากการที่เรา หยุดไม่ได้ ต่างหาก จิตใจยังคงไม่ผ่อนพักจากสิ่งที่เครียด ซึ่งก็ดังที่กล่าวไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องดูหนังก็ได้ เหตุผลสำคัญประการหนึ่งถ้าเป็นคนที่คิดหาทางเองได้ คลายปมออกได้เองเสมอ จะเข้าใจได้ทันทีว่า ทุกสิ่งอย่างล้วนต้อง “ผ่าน” มันไป แต่ในช่วงการ “ผ่าน” นี้เองมันอาจยากเย็น โดยในด้าน “การกระทำ” เพื่อหาทางออกในภาวะเครียดนั้นอาจยาก นั่นก็ส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ต้อง “ผ่าน” ทาง “ความคิด” ให้ได้ก่อน แล้ว การกระทำ วิธีการแก้ปัญหา หรืออะไรก็ตาม จึงจะตามมา บทความดี ๆ บทความนี้ตั้งใจจะให้ ช่วยผ่านทางความคิดนี้เอง เพราะเมื่อใดก็ตามเราเครียด เราเหนื่อย เราไม่เห็นทาง ก็ต้องมองทางอื่นเอาบ้างก่อน การมองทางอื่นนั้น ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับการพยายามมองหาทางออกเสมอไป แต่เสมือนการพักสายตาอย่างหนึ่งดังที่บอกไป และบางทีมันก็แค่ต้องการเวลาชั่วอึดใจในการผ่านภาวะทางความคิดจิตใจนั้น

ราว 2 ชั่วโมง ที่หยุดไปดูหนัง มันก็อาจพาเราผ่านไปได้อย่างอัศจรรย์ จนบางทีจะรู้สึกว่า เราเครียดทำไมกัน? เหมือนหลาย ๆ เรื่องในชีวิตที่พอผ่านมาได้ เราหันไปมองก็ขำขันกับมันได้ นี่ล่ะ เมื่อเครียดที่สุด ลองหยุดไปดูหนัง บางทีหนังสนุก หนังให้สาระ หนังได้คำตอบ หนังพาข้ามเวลาไป เมื่อนั้นมันไปต่อได้เอง ก็ต้องลองกันดู

ทุกวันนี้แม้ผมจะไม่ต้องเจอภาวะ เครียดที่สุด ก็ยังชอบดูหนังอยู่ เพราะมันดีกว่าการดูอย่างอื่นมาก ไม่ว่าจะเป็นข่าว.. Social.. หรือเรื่องคนอื่น ยิ่งดูมากเกินไป ยิ่งเป็นสิ่งก่อความเครียดได้โดยไม่จำเป็น คิดเหมือนผมไหมครับ เขียนจบแล้วไปหาหนังดูกันดีกว่า..

Exit mobile version