Site icon Sirichaiwatt

คอลัมน์ MarkeThinks 17 : Market Share Brand หัวหิน(2/2)

พิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร Foodbook ฉบับที่ 18

กล่าวถึงความสำคัญ(มาก) ไปแล้วสำหรับคำว่า ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) หากใครยังไม่ได้อ่านแนะนำให้ไปหา Foodbook เล่มก่อนหน้านี้ หรืออ่านออนไลน์ย้อนหลังได้ที่นี่ โดยในฉบับนี้จะกล่าวต่อเนื่องจากฉบับก่อน เมื่อได้เห็นความสำคัญของส่วนแบ่งการตลาดจากตัวอย่างสุดท้ายว่า หากมีผู้ค้ามาก ส่วนแบ่งยิ่งน้อยลง แต่ในอีกทาง ถ้ามูลค่าตลาด (Market Size) โตขึ้นล่ะ?

ผมจะสมมติต่อว่า เมื่อมูลค่าตลาดมันเพิ่มขึ้นจะด้วยกำลังซื้อ หรือคนมาเดินตลาดนัดมากขึ้นก็ตามทำให้ คนต้องการแตงโมเป็น 200 ลูก โดยมีร้าน 2 ร้าน ก็จะทำให้มีโอกาสได้ร้านละ 100 ลูกเลยทีเดียว (จากเดิมร้านละ 25 ลูก) จะเห็นว่าหากมีรายที่ 3-4 บนมูลค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นแล้วก็จะเฉลี่ยได้ร้านละ 50 ลูก มากกว่าแต่ก่อนอยู่ดี ซึ่งกรณีนี้เราไม่พูดถึงปัจจัยความสามารถของแต่ละร้านจึงสมมติให้ได้เท่าๆ กัน สิ่งนี้สะท้อนว่าทุกคนมีโอกาสอยู่ได้โดยไม่ต้องแข่งขัน

แล้วทำไงมูลค่าการตลาดจะเพิ่มขึ้นได้? ก็ดังที่สมมติไปประการหนึ่งคือ มีคนมาเดินตลาดนี้มากขึ้น นั่นอาจหมายถึง ตลาดนี้ดังหรือมีชื่อเสียงมากขึ้นนั่นเอง เป็นไปได้ไหมที่ร้านขายแตงโมทุกๆ ร้านจะช่วยโปรโมทตลาดหรือสร้างภาพลักษณ์ให้ตลาดนี้มีคนมาเดินมากขึ้นมากกว่าจะมัวแข่งขันกันเอง? แน่นอนทำได้ไม่มากก็น้อย..

กลับมาถึงที่กล่าวไว้ตอนต้นว่าสมมติเกี่ยวกับ Brand หัวหิน หากทำให้มีชื่อเสียง(อย่ามองแค่ว่ามีอยู่แล้ว) การช่วยกัน การร่วมกัน ในหลายๆ ด้าน สร้างให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ผู้คนมาบ่อยขึ้นหรืออะไรก็ตามประหนึ่งว่าพวกเราคือแม่ค้าแตงโมในตลาด โอกาสย่อมมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องแข่งกันรุนแรง (Red Ocean) ก็มีความเป็นไปได้

..เพาะปลาขึ้นมากินเองได้หรือสร้างระบบนิเวศที่ทำให้ปลามีมากพอ โดยไม่ต้องไปแย่งกันเอง..

ทั้งนี้เราอาจมองว่ามีหน่วยงานหรือหน้าที่ของรัฐต้องจัดการสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว มันก็ถูกแต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีหากเกิดความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน และคิดว่าแท้จริงผลประโยชน์ในเชิงนี้ก็ไม่ไปไหนนอกจากผู้ค้าด้วยกันมันน่าจะเป็นภาพของน่านน้ำสีขาว (White Ocean) ในแบบที่เพาะปลาขึ้นมากินเองได้หรือสร้างระบบนิเวศที่ทำให้ปลามีมากพอ โดยไม่ต้องไปแย่งกันเอง

บางคนอาจคิดทันและคิดเลยไปได้ว่า เมื่อตลาดโตผู้ค้าก็มากขึ้นตามมาอยู่ดีมีความเห็นแก่ตัว แก่งแย่งอยู่ดี ตรงนี้คงไม่มีอะไรมาแย้ง เพียงแต่อยากให้มองเลยไปอีกว่า ถ้าคิดถึงความยั่งยืน (Sustainability) จริงๆ มันก็เริ่มจากจุดยืนที่คุณอยู่นี่แหละ พันธมิตรทางธุรกิจที่เกิดได้จากสิ่งที่ผมกล่าวไปนั้น มันน่าจะแข็งแรงกว่าแค่ผู้ค้าใหม่ๆ ที่ยังไงๆ ก็มีมา ก็ต้องมีไป ไม่เกี่ยวกับมูลค่าตลาดจะเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ แล้วไม่ได้หมายความว่า ผู้ค้าใหม่มีไม่ได้ และผู้ค้าเก่าไม่มีเห็นแก่ตัว สิ่งสำคัญคือหากมาเข้าร่วมกัน ก็ยิ่งสร้างความเข้มแข็งมากกว่าสร้างคู่แข่ง ระบบ ระเบียบ มันจะมีกลไกบริหารจัดการได้ แต่หากยิ่งมาก ยิ่งแข่งขันมันตลาดมันก็ไปตามมีตามเกิด ตัวใครตัวมัน..

คอลัมน์ MarkeThinks 17 : Market Share Brand หัวหิน 2/2

 

Exit mobile version