การเปรียบว่า “ชีวิตเหมือนการเดินทาง” เป็นอะไรที่เหมาะสมดี ซึ่งในคำว่า “การเดินทาง” นี้ ก็มีอีกหลากหลายแง่มุม จึงมักมี คติ คำคม หรือประโยคเปรียบเปรยต่าง ๆ ให้คิด ให้ทบทวน ดังเช่น…
“ชีวิตมีขึ้นมีลง” เป็นประโยคหนึ่งซึ่งคงได้ยินกันบ่อย ที่ก็ไม่ได้บอกว่าการเดินทางของแต่ละคนนั้น จะขึ้นสูงแค่ไหน จะลงกี่ครั้ง หรือลงมากกว่าขึ้นไหม สิ่งแรกที่ทำให้เรายอมรับคือมันไม่มีทางคงที่ราบเรียบเสมอไป คล้ายกับ..
“ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ… เสมอไป” อันหมายถึงเส้นทางชีวิตนั้นอาจไม่สวยงาม หรือแม้มีช่วงที่สวยงาม แต่มันก็ไม่คงอยู่ตลอดไป
“..มันก็ต้องมีสะดุดกันบ้าง” ส่วนหนึ่งก็เข้าใจไม่ยากหากชีวิตคือการ “เดิน” และเส้นทางก็ไม่ราบเรียบอยู่ตลอด จึงย่อมมีสิ่งกีดขวางที่ทำให้เราสะดุด ล้มหรือซวนเซ แต่มุมหนึ่งก็สะท้อนได้ในแง่ “ช่วงชีวิตที่ขาดสติ” เพราะแม้จะมีสิ่งกีดขวางใด ปกติเราก็ใช่ว่าจะเดินสะดุดง่าย ๆ แต่หากไม่ระวังขึ้นมา แม้แต่ขาตัวเองเราก็สะดุดได้ เพียงเมื่อรู้ตัว แล้วดึงสติกลับมา ก็ต้องก้าวขาเดินต่อไป..
“Life is a marathon, not a sprint.” ที่แปลง่าย ๆ ว่า “ชีวิตคือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่งระยะสั้น” อันหมายถึงการจะวิ่งเร็ว ๆ แล้วถึงที่หมายได้ทันทีนั้นคงยาก เพราะยังไงช่วงชีวิตก็ยาวนานกว่านั้น ที่สำคัญคือ เป้าหมายมักไม่ใช่สิ่งที่อยู่ใกล้ ต้องรู้จักสะสมระยะทางให้ได้ไปเรื่อย ๆ หรืออดทนให้พ้นผ่าน หมดแรงก่อน ท้อก่อน ก็จะไปไม่ถึงเส้นชัย…
“หนทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก 千里之行,始于足下” ภาษิตจีนบ้างที่อาจไม่ได้เปรียบถึงการเดินทางของชีวิตโดยตรง แต่ก็มีนัยยะไม่ต่างจากอันที่แล้วคือ ชีวิตและเป้าหมายย่อมยาวไกล ก้าวแรกสำคัญเสมอ ใช่สำคัญที่การก้าวครั้งนั้นจะดีหรือไม่ แต่หากไม่ก้าวไปมันไม่มีวันไปไหนได้เลยต่างหาก
ที่กล่าวไปเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน หากเราเปรียบชีวิตคือการเดินทางด้วยการขับรถบ้าง ก็มองได้หลายแง่ไม่ต่างกัน มีเส้นทางที่ดี และไม่ดี มีหลงทาง มีเสียเวลา มีอุบัติเหตุได้ทั้งที่เราประมาท หรือคิดว่าไม่ได้ประมาทแล้วก็ตาม
แต่เส้นทางชีวิตไม่มีแผนที่ชัดเจนหรือ GPS เราไม่อาจแน่ใจว่าเส้นทางที่เราไปนั้น ถนนจะดีจริงไหม เป็นเส้นทางที่ถูกต้องไหม เป็นทางตรงหรือทางอ้อม อาจหลงเสียเวลาหรือเปล่า การจะเลือกได้ไม่ง่ายเลย..
และในช่วงชีวิตบางทีที่คิดว่า เราอยู่บนเส้นทางที่ดีแล้ว อยู่บนเส้นทางที่ถูกหรือเลือกแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรค เช่นดินฟ้า อากาศ และการจราจรไม่เป็นใจ เราอาจกำลังท้อแท้ เหนื่อยใจในความยากหรือควบคุมไม่ได้เหล่านี้…
ก็อยากให้มองไปที่ “จุดพักรถ” ในภาวะที่อะไรยังไม่เป็นใจ ให้ลองคิดเปรียบไปว่า นี่เป็นเวลาที่ดีที่เราจะหยุดจอดพัก แวะเติมน้ำมัน เช็คลมยาง หาอะไรทาน เข้าห้องน้ำ อากาศดีค่อยเดินทางต่อไป
เพราะในคนที่ดันทุรัง เมื่อจุดหนึ่งแม้อากาศจะดี การจราจรเป็นใจ ยังไงก็ต้องมีแวะ มีหยุด หรือร้ายกว่านั้น อาจรถเสียหรือไปประสบอุบัติเหตุเพราะรีบเกินไปในช่วงที่ไม่เหมาะสมก็เป็นได้
บทความสั้น ๆ ตอนนี้เพียงแค่อยากให้กำลังใจ คนที่กำลังอยู่บนถนนสายชีวิตที่อะไร ๆ ไม่เป็นใจ ให้ลองคิดว่านี่เป็นเวลาดีที่จะหาจุดพักรถ แวะสักนิด ช้าสักหน่อย คงไม่เป็นไร ให้อะไร ๆ ไม่ดีผ่านไป เราก็จะได้พร้อมเดินทางไปกันต่อ เพราะอย่างไรเส้นทางนี้ ก็ยังอีกยาวไกล…
ปล.แรงบัลดาลใจจากการสนทนาให้กำลังใจน้องคนหนึ่งจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา
บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 08/12/2020