ต่อคำถามที่ว่า “คุณรักใครคนหนึ่งเพราะอะไร?” หากให้ตอบแม้ต้องใช้เวลาคิด แต่คงได้คำตอบอยู่บ้าง แล้วถ้าถามว่า เขาที่บอกว่ารักคุณเช่นกันนั้น “เขารักคุณเพราะอะไร?” คุณรู้ไหม? และเมื่อถามเขา… คุณจะเชื่อ หรือมั่นใจคำตอบว่ามันจริงแท้แค่ไหนกัน?…
บทความความรักวันนี้ไม่ได้มีเจตนาเพื่อมายุแยงให้ระแวงกัน เพียงแต่กำลังพูดถึง “แค่อีกแง่มุมหนึ่ง” ที่มีมากมายของความรัก
แต่ละคนอาจมี ที่มาของการมีรัก แตกต่างกัน โดยไม่เกี่ยวข้องกับว่าชอบกันที่ตรงไหน บางคนเกิดขึ้นจากการแนะนำ บางคนเกิดจากความสนิทสนม บางคนเกิดจากสถานการณ์ที่เข้าใจอกเข้าใจกัน และหลายคนก็เกิดจากความชอบพอ แล้วกล้าที่จะเข้าไปจีบกัน เสนอตัวต่อกันในหลากหลายรูปแบบ
การรับรัก ไม่ได้หมายความว่ารักตอบ
การที่เราไปชอบ หรือไปรักใครคนหนึ่งนี่เองเราอาจบังเอิญไปเจอคนที่มี ปมในใจ หรือมีความรู้สึก อ่อนไหว เขายินดีที่จะรับรักเรา “เพียงเพราะเรารักเขา” แต่จิตใต้สำนึก หรือก้นบึ้งของหัวใจ อาจไม่ใช่ความรักจริง…
หากเปรียบคงคล้ายกับการที่เราได้กลิ่นอาหารที่ลอยมา จินตนาการได้ว่าอาหารนั้นคืออะไร มันชวนให้อยากกิน กระตุ้นความรู้สึกอยากลอง หรือเหมือนจะหิวขึ้นมา เมื่อเห็นอาหารจริงแม้จะเป็นดังที่คิดหรือไม่ แต่ก็มีโอกาสทำให้เรายินดีที่จะกินมัน ชิม ลิ้มลอง โดยแท้จริงแล้ว ภาวะนั้นไม่ได้หิว ไม่ได้อยากกิน ที่สำคัญอาจไม่เคยรู้เลยว่าอาหารนั้นมันจะมีรสชาติอย่างไร เผลอ ๆ สรุปไปเองแล้วว่าต้องอร่อยจากที่ได้กลิ่นมายั่วยวนไว้ โดยที่ยังไม่เคยกินมันจริงจัง..
เพราะเพียงแค่รู้สึก จึงไม่มีวันแน่ใจ
แล้วถ้ากำลังสงสัยว่าการตอบรับรักจากใครคนหนึ่งจะจริงได้แค่ไหน? จะรู้ได้อย่างไร?
ก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเพียงมุมเดียวของเรื่องราวความรัก ใช่ว่าจะต้องนำไปใส่ใจในเรื่องราวของตนเอง แต่ก็อาจได้แง่คิดสำหรับใครบางคน อนึ่งอย่างไรเสียก็ควรต้องไตร่ตรองพิจารณากันให้ดีก่อน เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีตัวอย่างใดจะนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตใครได้สมบูรณ์
…เมื่อความรักความชอบพอ เป็นเพียงความรู้สึก เหมือนที่เคยกล่าวไปในเรื่อง “ความรักคืออะไร” จึงไม่มีใครรู้และแน่ใจได้โดยง่ายทันทีแม้แต่ตัวเราเอง ทว่าหากเป็นเพียงการ “รัก ที่เขามารัก” นั้นมันก็พอมีข้อสังเกตได้อยู่บ้าง
สิ่งแรกที่อาจได้ประสบ หากเขาเป็นคนที่แค่รักในการถูกรัก เขาย่อม “ต้องการให้ใครมารักเขาอีกเสมอ” และ เมื่อใดก็ตามมีคนรักเขาอีก เขาก็พร้อมที่จะรักคนคนนั้นกลับ (ไม่มากก็น้อย) ยิ่งหากเขาเป็นคนที่ดูดีมีเสน่ห์ อาจมีคนกล้าสารภาพกับเขาว่าชอบ รักเขา ได้ง่าย ใจเขาย่อมพองโตทันที เพราะนี่คือสิ่งที่ เขาต้องการอยู่ส่วนลึกในใจ แน่นอนเขาก็จะตอบสนองอีกฝ่ายโดยไม่ยากเลย…
อีกแบบหนึ่งก็ไม่จำเป็นต้องออกแนวเจ้าชู้เสมอไปในความเป็นคนแบบนี้ ลักษณะที่เราอาจพบได้จากเขาคือ การที่เขาพยายามเอาใจผู้อื่น ใส่ใจคนอื่น ซึ่งเป็นคนอื่นจริง ๆ ที่ยังไม่ได้รักเขา ชอบเขาเท่าใดนัก แน่นอนเขาไม่ได้ทำเพื่อแค่เรียกร้องความสนใจ แต่ต้องการให้ใครเหล่านั้น รักหรือชื่นชมเขา เพียงแต่สิ่งที่น่าเศร้าคือ เขาจะไม่เห็นความสำคัญและใส่ใจกับใครที่รักเขา หรือเขาควรจะรักจริงได้ “ดีพอ”
ซึ่งในฐานะคนรักตัวจริง เมื่อคุณเริ่มเรียกร้อง เขาจะมองไม่เห็นตัวเอง หรือ ปกติก็ดีต่อคุณในหลายด้าน เพียงแต่ว่าก็ไม่เอาเวลาไปพัฒนาชีวิตอะไรให้ดีขึ้น ยังคงเอาเวลาไปใส่ใจผู้คนมากเกินจำเป็น และในทางตรงกันข้าม หากคุณมีท่าทีที่ไม่รักเขาแล้ว หรือแสดงออกไปในทางว่า รักใครมากกว่า ใครดีกว่าเขา เขามีโอกาสแสดงท่าทีที่รุนแรง ต่อต้าน ตอบสนองทันที ต่างกับที่เวลาคุณร้องขอให้ใส่ใจ
หรือ ง่าย ๆ คือ เขาไปใส่ใจคนอื่นมากได้ แต่ถ้าคุณไปใส่ใจคนอื่นมากกว่าเขาบ้าง ไม่ได้… เป็นเพราะเขาต้องการถูกรัก มิใช่เริ่มสูญเสียความรักจากใครไป
เรื่องนี้ก็คงเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่าทำไมจึงมีใคร “อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน”
ต้นเหตุอาจค้นเจอได้ หากลงลึกไปหาปมในใจของคนนั้น แต่ถ้าจะลองทำความเข้าใจ ตัวอย่างที่ง่ายก็ยังคงคล้ายเรื่องอาหาร ทำไมหลายคนยังคงเสาะแสวงหาร้านอาหาร เมนูอาหารอยู่อย่างไม่สิ้นสุด เขาไม่เคยเจอที่อร่อยหรือถูกปากเลยหรือ? เราเองก็อาจจะเคยเป็นเช่นนั้น เรารู้ว่าอาหารแบบไหนที่เราชอบ เรารู้ว่าเมนูไหนที่ถูกใจ จริงอยู่ว่าอาหารมันเลือกได้ ไม่จำเป็นต้องกินจานเดิม ๆ เมนูเดิม ๆ ไม่ใช่เรื่องผิดต่อใคร แต่ที่เปรียบเปรยนี้นั้น บางทีที่เข้าขั้น “ดิ้นรน” เสาะหาของอร่อยอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องนึกดูว่าเพราะอะไร?
การพยายามไปรักใคร เป็นเรื่องยากลำบาก เพราะไม่รู้ว่าจะสมหวังจีรังได้แค่ไหน แต่มีคนไม่น้อยที่รู้ว่า “การถูกรัก” นั้นมันแสนวิเศษกว่าแค่ไหน ถ้าเพียงใครคนหนึ่งถูกรักแล้วยังไม่เห็นคุณค่า รู้สึกพึงพอใจ มุมหนึ่งมันน่าจะมองได้ว่าควรเป็น กรรมเขา ไม่ใช่ กรรมเรา ว่าไหมคุณ…
ปล.ยังมีอีกมุมที่คล้ายกันนี้ ไว้จะมาเขียนให้อ่านอีกที
บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 18/09/2020
