“ไม่ว่าจะงานเล็กหรือใหญ่ จะสำเร็จได้ง่ายดาย หากทุกคนรู้หน้าที่และปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ในทางกลับกัน หากต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างเดินแบบไร้ทิศทาง ย่อมยากที่จะพบกับความสำเร็จ”
วันก่อนมีโอกาสเปิดทีวีไปเจอรายการหนึ่ง ซึ่งกำลังนำเสนอเกี่ยวกับการแข่งขัน การละเล่นไทย ๆ โบราณ ในกิจกรรมประจำปีของหมู่บ้าน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และสร้างความเฮฮา คลายเครียด ให้กับคนในชุมชนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นผู้แข่งหรือกองเชียร์ก็ล้วนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ น่ารักอบอุ่นและสนุกสนาน
ระหว่างการดูอย่างเพลิดเพลินก็อดอมยิ้มให้กับการละเล่นแต่ละอย่างไม่ได้ แอบชื่นชมบรรพบุรุษกับภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีความช่างคิด ช่างสรรหากิจกรรมเพื่อสร้างความสุขและเพิ่มความผูกพันในชุมชน
แต่แล้ว…ความคิดก็ดันมาสะดุดกับการแข่งขันหนึ่ง ซึ่งเป็นการละเล่น “หัวใบ้ท้ายบอด” ลักษณะของการแข่งขันกันก็คือ ให้คน 2 คน ลงไปนั่งในเรือลำเดียวกัน ซึ่งผู้ที่อยู่ในตำแหน่งหัวเรือจะโดนนำผ้ามาผูกปิดปากห้ามพูด ห้ามบอกทาง ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งท้ายเรือจะโดนนำผ้ามาปิดตา ห้ามมองทางและจะไม่สามารถเห็นอะไรทั้งนั้น ต่างคนต่างถือไม้พายคนละด้าม โดยมีโจทย์ที่จะต้องทำให้สำเร็จ นั่นก็คือ การพายเรือลำที่คนทั้งคู่รับผิดชอบอยู่นั้น ให้มุ่งไปสู่เส้นชัยให้ได้
แน่นอนค่ะว่างานนี้ความวุ่นวายบังเกิด เมื่อคนหนึ่งเห็นแต่พูดไม่ได้ ส่วนอีกคนหนึ่งพูดได้แต่มองไม่เห็น เอาละค่ะ การนำเรือเข้าสู่เส้นชัยจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก พายสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง ชนโน่นชนนี่ เรือบางลำก็พยายามพายอยู่นานสองนาน แต่ก็ยังคงหมุนอยู่ ณ จุดเดิม คนที่ยืนมองยืนเชียร์ก็ได้แต่ขำกับสิ่งที่เห็น หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เพราะนี่คือการละเล่น แต่ในความเป็นจริง เกมส์นี้ต่างแฝงไว้ด้วยข้อคิดและกุศโลบายมากมาย แหม! ช่างตรงกับเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันซะจริง ๆ
ในทุก ๆ สังคม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็ก ๆ หรือองค์กรระดับประเทศ ก็มักจะมีคนเหล่านี้ซ่อนอยู่ คนที่เห็นความผิดปกติทุกอย่างแต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าเสนอความคิดเห็น กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สักแต่พูด ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เห็นความจริงอะไรเลยแต่ตีโพยตีพาย ตัดสินใจลงมือทำบางอย่างไปเสียก่อน โดยไม่คำนึงถึงต้นสายปลายเหตุและผลกระทบที่จะตามมา
“พฤติกรรมอันตราย! มองเห็น…แต่ไม่พูด พูด…ทั้งที่ยังไม่เห็นความจริง”
พฤติกรรมเหล่านี้ เห็นได้ชัดในสังคม Social ของโลกในยุคปัจจุบัน หลายครั้งที่เห็นการแชร์โพสต่าง ๆ ด่าทอ ใช้วาจารุนแรงแบบขาดสติ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่รู้ถึงที่มาที่ไปของเรื่องเหล่านั้นด้วยซ้ำ ทำให้เกิดกระแสในทางลบอย่างรวดเร็ว ร้ายแรงสุดคืออาจไปทำลายชีวิตคน ๆ หนึ่งได้เลยทีเดียว
ไม่ต่างอะไรจากคนที่ได้ยินได้ฟังอะไรมาสักอย่างหนึ่ง แม้จะยังไม่ได้เห็นเรื่องราวอย่างชัดเจน แต่ตัดสินใจลงมือทำอะไรบางอย่างแบบขาดความยั้งคิด ผลสุดท้ายคืออาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึงนั่นเองค่ะ
ที่ใหญ่กว่า ถ้าเรื่องพวกนี้เกิดในองค์กร การพายเรือในลักษณะของ “หัวใบ้ท้ายบอด” เปรียบง่ายๆ ก็คงเหมือนดั่งการวางแผนในองค์กรแบบสะเปะสะปะ คนหนึ่งสักแต่เปล่งเสียงสั่งอย่างเดียว ในขณะที่ดวงตามองไม่เห็น จ้ำเอา ๆ แบบไร้ทิศทาง ซึ่งทางนั้นอาจผิดหรือถูกก็ไม่รู้
ในอีกทางหนึ่ง คนที่มองเห็นว่าการจ้ำไม้พายของคนกลุ่มแรก เป็นการพายไปแบบผิด ๆ แต่ปิดปากไม่ยอมพูดอะไร ฝืนพายไปทั้งที่มีแรงรั้ง แม้ว่าจะจ้ำไม้พายมาถูกทางแล้ว แต่เรือก็อาจกลับลำไปผิดทิศทางอีกได้ เพราะถูกการแรงยึดแรงผลักของคนกลุ่มแรก สุดท้ายเรือก็ยังคงเป๋ท่ามกลางลำน้ำ ยากที่จะเข้าหาฝั่งตามที่ตั้งใจไว้ได้ เจอแบบนี้ปวดหัวแน่ ๆ
“องค์กรที่ขาดการวางแผน ต่างคนต่างพาย ไม่กำหนดหน้าที่และทิศทางงานให้ชัดเจน สุดท้าย…ย่อมทำให้องค์กรไปไม่รอด”
Target หรือเป้าหมายในองค์กรที่วางไว้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนทุกตำแหน่งจะต้องร่วมมือกันเป็นแรงขับเคลื่อน เปรียบเสมือนการลงเรือลำเดียวกัน ทุกคนต่างมีไม้พายอยู่ในมือซึ่งเป็นดั่งอาวุธนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย แม้ว่าแต่ละคนจะนั่งอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไปก็ตาม
สิ่งสำคัญคือการวางแผนและจังหวะในการพาย ที่จะช่วยนำพาเรือให้มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่
“การคิด” วางแผนอย่างรอบคอบ “การพูด” (สั่ง) แบบชัดเจน โดยใช้เหตุผลให้มากกว่าอารมณ์ “การรับฟัง” อย่างมีสติ สนับสนุนในสิ่งที่ถูกต้อง แต่คัดค้านเมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสม ที่เหลือคือ “การลงมือทำ” เพื่อมุ่งไปสู่การปฏิบัติร่วมกันให้บรรลุผล และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
การแบ่งหน้าที่กันอย่างถูกต้อง ชัดเจน ไม่มีการเกี่ยงงานกันหรือต่างคนต่างทำ จะสามารถทำให้งานแต่ละอย่างสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกัน หากต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ไม่คุยไม่ฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน แม้ต่างฝ่ายต่างลงมือทำอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายงานอาจเกิดปัญหาและก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันไม่ได้เลย
“การทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีใด ๆความสามัคคีต่างหาก ที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จ”
คนเพียงหนึ่งคนไม่สามารถทำงานใหญ่ได้สำเร็จได้ เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลากับการทะเลาะเบาะแว้ง มุละทุไม่ฟังผู้อื่น ดั้นด้นไปแบบไร้ทิศทาง แต่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะให้ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างถูกต้องและตรงตามเป้าหมาย นั่นก็คือ “ความสามัคคี” ไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ องค์กรเล็กหรือองค์กรใหญ่ หากทุกคนมีความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจกัน รู้หน้าที่ของตนเองและลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้อง ดำเนินไปในทางเดียวกัน รับรองได้เลยว่า “หัวจะไม่ใบ้ ท้ายจะไม่บอด” สามารถพายไปถึงจุดปลายทางได้อย่างแน่นอนค่ะ