ชีวิตทุกคน เมื่ออายุมากขึ้น ย่อมต้องได้พบเจอคนมากขึ้น เพิ่มจำนวนไปตามอายุ ไม่มากก็น้อย เป็นธรรมดา และการที่เราได้พบเจอมากขึ้นนั้น เราก็ไม่รู้จักจริงจังไปเสียทุกคน.. แต่ก็ยอมมีคนที่ได้รู้จักใหม่บางคน อาจกลายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น มีบางสิ่งร่วมกัน ต่อยอดไปทำให้มีคนในชีวิต เพิ่มขึ้นอยู่ดี
ผมกำลังจะแสดงให้เห็นว่า เราทุกคนย่อมต้องมีสัมพันธ์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม ไม่นับว่าแค่รู้จัก และห่างกันไป ยังไงก็ต้องเหลือกลายมาเป็น เพื่อน เป็นคนที่เกี่ยวพันกันในบางสิ่ง..
ในขณะที่เวลา เดินหน้าไป แต่กรอบเวลา “ความใส่ใจ” เรามีเท่าเดิม นี่หมายความว่า ไม่มีใครใส่ใจ ใครได้ทุกคน หรือ ตลอดเวลา.. บางคนจึงไม่ใคร่ใส่ใจคนในครอบครัวด้วยซ้ำไป ฟังดูร้าย แต่ใน มุมหนึ่งก็อาจจะ.. “ขึ้นอยู่กับว่า เวลานั้นอะไรสำคัญ ในชีวิต”
เพราะน่าจะเห็นกันชัดเจน เช่นว่า การเป็นแฟน เป็นคนรัก ครั้งยังใหม่ ๆ ก็จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ จนไม่สนใจใคร หรือเรื่องราวอะไรเอาเลย เป็นได้ เพราะกำลังเป็นเป้าหมายที่สำคัญในขณะนั้น
ในทางตรงกันข้าม ถ้าแฟนหรือคนรักมีสถานะอันเป็นปกติ หรือของตาย (ฮ่า) ก็อาจใส่ใจสิ่งอื่นมากกว่า.. นี่ก็ว่ากันตามความเป็นจริง ใช่แค่เรื่องแฟน..
ถ้าอยู่ในช่วงก้าวหน้าทางธุรกิจ หน้าที่การงาน คู่ค้า เจ้านาย หรือลูกค้า ก็ดูว่าจะช่วงชิงทุกเวลา คนที่กำลังมุ่งหน้างาน นั้นไปได้
ถึงตรงนี้เราอาจพอเห็นว่า มันก็มีเหตุ ผลของมัน ในการจะใส่ใจ ไม่ใส่ใจอะไร ก็ว่ากันไปตามแต่บุคคล
แต่ถ้าคนๆ หนึ่ง พยายามจะใส่ใจคนทุกคน ล่ะ?
มองครู่เดียว ก็เหมือนว่า คน ๆ นั้น ดูเป็นคนดี หรือบางที คน ๆ นี้ เขาไม่มี, ไม่รู้ หรือยังไม่เจอว่า แท้แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญของตนหรือเปล่า?
ก็เพราะดังที่บอกไป ในชีวิตมีแต่เจอคนมากขึ้น หากคนๆ นั้นใส่ใจคนทุกคนคงไม่มีวันเป็นไปได้
แล้วถ้าเขายังพยายาม ที่จะใส่ใจทุกคน..
บางทีนั่นเป็นเพราะว่า ใช่มาจากอยากให้ แต่มาจากการที่ตนอยากเป็นคนสำคัญของทุกคนหรือเปล่า จึงลงทุนตนเองไปอย่างนั้น และผลลัพธ์มัน เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับ การใส่ใจทุกคน และทุกคนเห็นเราสำคัญ..
ทุกคนในที่นี้ใช่หมายถึง ทุกคนที่รู้จัก แต่หากเป็นทุกคนที่เราพอจะนับได้ว่ามีความเกี่ยวพัน สำคัญในบางประการ ก็ยากที่จะเป็นไปได้
ที่มากกว่านั้น คือเมื่อเขาอยากหยุดให้ความสำคัญกับใคร เขาก็จะทุ่มไปเกินพอดี แบบที่ไม่อยากให้หนึ่งคนนั้นให้ความสำคัญกับใครอีกเลย เหมือนกับเขา..
ถ้าย้อนทบทวนในช่วงแรกที่ได้กล่าวไป เราย่อมให้ “ความใส่ใจ” กับสิ่ง, คน ที่กำลังสำคัญ หรือควร สำคัญ เรื่องนี้ลึก ๆ เราอาจเข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะเราจึงไม่พอใจ โกรธ หรือน้อยใจ เมื่อใครบางคนที่เราอยากให้ใส่ใจ เขาไม่ใส่ใจ เพราะแสดงว่า เรา ไม่สำคัญพอ..
แต่ก็บนเหตุผลเดียวกันนี้เอง ชีวิตเราทุกคน ใช่ว่าจะอยู่ได้กับคน ๆ คนเดียว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร พ่อ, แม่, แฟน ใครก็ตาม มันย่อมต้องจำเป็นที่จะพึ่งพา หรือมีสาระสำคัญต่อสิ่งอื่น คนอื่น บ้างเป็นธรรมดา แม้แต่เราเอง..
หลงคิดว่าเรื่องที่เราโพสต์ลง Facebook แล้วทุกคนจะรับรู้สิ่งนั้น..
ที่เขียนเช่นนี้ สังคมทุกวันนี้มี Social Network ไม่ว่าจะ อะไรก็ตาม บางทีเราก็เอาสิ่งนี้มาเป็นตัวชี้วัด เขาต้อง like ต้อง Comment ตรงนี้หลายคนอาจคิดว่าดูเกินไป แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามี..
อย่างไรก็ตาม มันก็มีอีกสิ่งที่เราเองก็อาจจะเป็น คือ เช่น หลงคิดว่าเรื่องที่เราโพสต์ลง Facebook แล้วทุกคนจะรับรู้สิ่งนั้น ทึกทักไปประหนึ่งว่า เราได้ประกาศสิ่งนี้แล้ว เราเรียนจบ เราตกงาน ลูกเราเข้าโรงเรียน เลิกกับแฟน..
เรื่องบางเรื่องอาจรับรู้ได้จริง เช่นว่า ถ้าคุณมีลูก คุณคงไม่ได้โพสต์รูปลูกครั้งเดียว ย่อมเป็นไปได้ว่าทุกคนจะเห็นจากโพสต์ใด โพสต์หนึ่ง แต่จากเหตุการบางอย่าง คุณโพสต์ไปเพียงครั้งเดียว แล้วมันหวังว่าทุกคนต้องเห็น ต้องใส่ใจ.. นี่คือความเป็นไปไม่ได้ เช่นว่า วันนี้มันวันเกิดคุณ..
ถ้าอ่านถึงตรงนี้ คงเห็นด้วยว่าเราใส่ใจคนทุกคนไม่ได้ ไม่ว่าจะโลกจริงหรือโลกออนไลน์ ซึ่งบางคนไม่ได้สนใจโลกออนไลน์เลยด้วยซ้ำ การคบคนเช่นกัน มันย่อมต้องมีภาวะคัดออก คัดเข้า และเราก็ให้ใครทุกคนสนใจเราคนเดียวไม่ได้ เช่นกัน แม้จะเพียง หนึ่งคนก็ตาม
..คนที่ไม่สนใจเรา ไม่ใช่เขาไม่ดี เพราะไม่มีใครสนใจใครได้ตลอดเวลา และบางที่ ที่คิดว่าเขาไม่ใส่ใจ เพราะเราต้องการจากเขามากไปเอง ในขณะที่เขาก็ใส่ใจแล้ว แต่มันก็ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องใส่ใจไปด้วยเช่นกัน
และเมื่อวันหนึ่งยิ่งอายุมากขึ้นไป คุณยิ่งจะเข้าใจว่าทำไม เราใส่ใจใครน้อยเหลือเกิน..
บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 23/10/2018