อย่าเก่งแต่เรื่องชาวบ้าน (เสพติดคำชื่นชม)

by

| Home » บทความดีๆ » การพัฒนาตนเอง Think+ » เปลี่ยนทัศนคติ » อย่าเก่งแต่เรื่องชาวบ้าน (เสพติดคำชื่นชม) |


ต้องบอกก่อนว่า เก่งแต่เรื่องชาวบ้าน ในที่นี้หมายถึง ใครมีปัญหาอะไร อยากรู้อะไร ช่วยเขาได้บอกเขาได้หมด ซึ่งจะว่าไปแล้วผมเป็นคนเก่งเรื่องชาวบ้านนะ (ฮ่า) เรื่องของคนอื่นคิดออก มีไอเดีย ช่วยให้ความเห็นได้ดี เมื่อก่อนที่เห็นชัดคือ เป็นศิราณี ชีวิตคู่หัวใจ ประมาณนี้เลย.. แต่ของตัวเองไม่ได้เรื่อง (ฮ่า) เพราะให้คำปรึกษาคนอื่นดีจัง แต่ของตัวเองพังเอาบ่อย ๆ

ฟังบทความนี้ในรูปแบบ Podcast ตามช่องทางเหล่านี้

ฟังบน Youtube

อย่าเก่งแต่เรื่องชาวบ้าน ฟังดูเชิงตำหนิ แง่ร้าย ซึ่งจริง ๆ แล้วมีเรื่องที่ดีอยู่นะ การที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น ช่วยเหลือสังคม เป็นคนดี.. ผมจำไม่ได้ว่าเคยเขียนเรื่องนี้ไปบ้างยัง แต่เคยพูดบ่อย ๆ ทำนองว่า “เขาบอกว่าอย่าขยันผิดที่ จะไม่รวย อย่าเป็นคนดีผิดที่เช่นกัน มันไม่มีอะไรดีขึ้น..”

เป็นคนดี หรือ เกือบจะดี?

มีด้วยหรือที่เป็นคนดี? แล้วมันไม่ดี อาจฟังดูแปลก แต่หลายคนคงนึกออก ยกตัวอย่างง่ายที่สุดเลยคือ ทำบุญไปให้พวกมิชฉาชีพ ที่อ้างว่าเอาเงินไปช่วยนี่นั่น หรือ รถที่วิ่งมาชวนทำบุญทอดผ้าป่า.. แต่ว่าวัดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ บ้างก็พระปลอม ทำนองนี้ นี่คือภาพชัดที่ว่า ทำดีผิดที่ เพราะแบบนี้กลายเป็นช่วยโจร สนับสนุนมิชฉาชีพไปนั่นเลย

นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่ง่ายที่สุด แต่ถ้ากล่าวโดยละเอียดกว่านี้ ในการเป็นคนดีแบบไม่ถูก ซึ่งอาจเรียกว่า “เกือบจะดี..” แทนที่ คนดี เหมือนที่คิดกัน มันก็พออธิบายได้ 

เรื่องนี้ไม่ซับซ้อน แต่ซ่อนลึกเข้าไปในใจถึงปมจิตใต้สำนึก ค่อนข้างยากอธิบายภายในบทความเดียว สิ่งสังเกตแรกอย่างหนึ่ง เมื่อมีคนใกล้ตัวเริ่มบอกเราว่า เลิกดี เลิกทำบางอย่างที่ทำอยู่เพื่อคนอื่น หรือที่เราคิดว่ามันดีนั้น เราย่อมไม่ฟัง และกลายเป็นมีคำถามขึ้นมาว่า “เป็นคนดี ผิดตรงไหน (วะ)?” เป็นเรื่องยากที่จะรับได้ ที่ช่วยเหลือใคร ๆ แล้วกลายเป็นเรื่องผิด..

คงต้องอธิบายแบบนี้.. ประการแรก “มันไม่ผิดต่อใครเลยสักนิด!!” หรือเรียกว่า ไม่ผิดต่อคนอื่น (โดยตรง) แต่…!! ผิดต่อตัวเองอย่างร้ายแรง ออกตัวว่า ไม่ทุกกรณี ทุกคน แต่หลายคน หลายกรณี

คุณรู้จักลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ไหม จิตวิทยา 101 ที่หลายคนว่าเก่า แต่ไม่แก่ เพราะเนื้อแท้ยังคงจริงอยู่ ในที่นี้ก็จะชี้กันให้เข้าใจง่าย ๆ ที่หลักการเขาว่า คนเราจะมีความต้องการทางกาย หิว กิน ง่วง ก็นอน เป็นอันดับแรก ความปลอดภัยตามมา ความรักเป็นอีกเรื่อง การเป็นที่ยอมรับก็อีกขั้น และที่สุดของเป้าหมายชีวิตใคร ก็ว่ากันไป..

อยากดี หรือ อยากสำคัญ

ทีนี้ทุกวันนี้ คนเราใช่ลำบาก แม้จะคิดว่าตัวเองจน.. แต่จนของหลายคนไม่ได้อดยาก หรือไม่ปลอดภัย.. ความรัก การเป็นที่ยอมรับ จึงเป็นความต้องการกว่าของใครหลายคน ยิ่งพวกมีปมลึกในใจว่า “อยากสำคัญ” ตัวอย่างใกล้ที่สุด เหมือนผมแต่ก่อนนั้น มันจึงทำอะไรก็ได้ ที่ให้ผลตอบแทนคือ “การมีคุณค่า เป็นที่ยอมรับของคนรอบตัว” นี่คือสนองความต้องการขั้นกว่าที่จะว่าไป ไม่มีก็ไม่ตาย..

ผมจึงชอบที่จะใช้ความรู้ ความคิด ไปในทางช่วยคนอื่น (มากกว่าช่วยตัวเอง) สนับสนุนคนอื่น (มากกว่านำพาตัวเอง) อยากให้คนอื่นได้ดี (ตัวเองไม่เป็นไร) แน่นอนว่า อยู่ได้ก็อยู่ไป เมื่อวันหนึ่งถึงคราวตัวเองทุกข์ใจ ก็ได้แต่ยอมรับเงียบ ๆ มีปัญหา ก็น้อยใจโชคชะตา หรือไม่ ก็ปลงได้ ซึ่งจิตใจก็สบายดี แต่ชีวิต ก็ไม่ไปไหนเช่นเดิม

เพราะที่แอบซ่อยความร้ายในคำว่า “คนดี” นี้คือ คนเรามันเป็นอย่างนั้นดังมาสโลว์บอก ความต้องการมันสูงขึ้นกว่ากินอิ่ม นอนหลับ เมื่ออย่างอื่นก้าวหน้าไม่ได้ ก็ก้าวหน้ามันไปทางนี้ งาน เงิน ครอบครัว ไม่สำคัญ เท่าสังคม เพื่อนฝูง ยอมรับ และ คำชื่นชม.. (พอเห็นภาพใครบางคนบ้างไหม)

หลายคนจึงไม่ก้าวหน้าเพียงเพราะว่า เอาเวลาไปช่วยคน (ผิดด้วยหรือ?) ไม่ผิดในหลายกรณี แต่ที่ดีกว่าคือ “มีแล้วแบ่งปัน” และผู้ที่ควร “ได้รับการแบ่งปัน” ลำดับแรก คือ ตัวเอง และคนในครอบครัว ถ้าคุณนำพาตัวเองให้มีพอ ในที่นี้ คือพอต่อยอดไปข้างหน้าได้เรื่อย ๆ ซึ่งมันจะหมายความว่า มีแบ่งปันไปได้เรื่อย ๆ ด้วย

ผมเคยยกตัวอย่าง กับหลายคนว่า ถ้าวันนี้ เรามี 100 เราใจดี แบ่งปัน 10 แน่นอน มันอาจไม่เดือดร้อน แต่ถามว่า 100 นั้น เอาจริง ๆ เราเพียงพอหรือยัง และ 10 ที่แบ่งไปนั้น มันพอเพียงแก่ผู้รับหรือยัง แทนที่จะสั่งสม ต่อยอดตัวเองให้ได้ก่อน ไปพันไปหมื่น แล้วทีนี้จะแบ่งปัน ร้อย พัน มันก็ช่วยคนอื่นได้จริง ๆ และตัวเองไม่เดือนร้อนแท้จริงอีกด้วย

ในอีกด้านของชีวิต เราอาจไม่ใช่ผู้ให้ในทางนับจำนวนได้ แต่ให้ทางความรู้สึก คล้ายที่บอกไปในตอนแรกว่าเป็นศิราณี ก็ย้อนดูสิ ชีวิตดี มั่นคงจริงแล้วหรือ ครอบครัว สถานะ ความสัมพันธ์ เราดีแล้วจริงหรือ ก็ไม่ได้บอกว่าให้คำแนะนำ หรือปรึกษาอะไรใครไม่ได้เลย แต่อย่าเสพติด คำชื่นชม การเป็นคนสำคัญ หรือรู้สึกว่าได้เป็นที่พึ่งใคร เพราะคนในครอบครัวคุณยังมั่นคงกับคุณไม่ได้เลย หรือแม้กระทั่งคุณยังไม่มั่นคงต่อตัวเองด้วยซ้ำ จะให้ใครไปเชื่อมั่นอะไรได้..

การให้ เป็นสิ่งที่ดี ที่ดีที่สุดคือให้ แล้วรับกลับมาสอนตัวเอง เตือนตัวเอง เอาไปปฏิบัติเองด้วย นั่นจะดีที่สุด เกิดประโยชน์ที่สุด และผลลัพธ์จากการกระทำ หรือสิ่งที่ทำได้ มันจะ ต่อยอด ให้ไปแบ่งปันได้อีก แต่ไม่ใช่ คิดว่าให้ เสร็จแล้วนอนสบายใจ หลงไปกับการคิดว่าได้ทำสิ่งดี โดยที่สิ่งนั้น มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเรา ดีได้จริง ๆ เลย

ความดีเพียงเพื่อทำให้สบายใจ ถ้าดีแบบนี้ มันก็คล้ายสูบบุหรี่ สูบแล้วสบายใจ ทั้งที่จริง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และร่างกาย ไม่ได้ให้อะไรในความเป็นจริงเลย…

บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 26/8/2019

อย่าเก่งแต่เรื่องชาวบ้าน
Sirichaiwatt Avatar
วิทยากร คอลัมนิสต์ นักเขียน นักคิด ที่ปรึกษา จากสายด้านธุรกิจ การตลาด สู่การจัดการบุคคลากร และว่าที่นักจิตวิทยาการปรึกษา
แสดงความคิดเห็น