มีหลายเรื่องที่โลกดูไม่ยุติธรรม, มีมากมายที่ไม่เป็นดังใจดังหวัง, มีหลายคนที่ยากจะเข้าใจความคิดของเขา, เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดก็เกิด และความพยายามของเรามีไม่น้อยกลับให้ผลตรงกันข้าม เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น การพร่ำบ่น ก่นด่า อาจเกิดขึ้นมา ทว่ามันก็ไม่ได้ดีขึ้น..
การขว้างลูกบอลเข้ากำแพง ยิ่งขว้างแรงก็ยิ่งกระเด้งกลับมาแรง เสมือนการที่เราพ่นคำร้าย บ่นด่าออกไป ยิ่งสะท้อนภาวะจิตใจลึก ๆ ให้แย่ลง หลายครั้งเราพยายามที่จะใช้คำพูดประชด สาดใส่ หรือหวังพยายามกรีดแทงบางคน สิ่งที่ได้กลับมาอาจเป็นคำพูดที่แรง ๆ เช่นกัน แม้จะทำให้อีกฝ่ายเสียใจไปได้ แต่ผลลัพธ์ที่ดีก็ไม่เกิดขึ้น และการเสียความรู้สึกก็ก่อเกิดภายใต้จิตใจทั้งสองฝ่าย เผลอ ๆ เป็นผู้พูดเองที่เสียใจมากกว่า
หลายคนก็เข้าใจดีว่า เรื่องแย่ ๆ หลายเรื่องมันเกิดจากปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ การจะพูดอะไรไปมันล้วนไร้ประโยชน์ นิ่ง เฉย อยู่แต่กับตัวเองไปเสียดีกว่า เช่นนี้ก็ดี…
แต่ก็มีไม่น้อยที่กลายเป็นว่า ปัจจัยโดยอย่างยิ่งเมื่อเป็นคนอื่น พอเราไม่พูด กลับยิ่งมักง่าย, มองข้าม, หรือเข้าใจไปเองว่า ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ บางทีก็นึกว่าที่เราไม่พูดนั้น มันดีแล้ว เราชอบแล้ว…
ดังนั้นแม้การไม่บ่น ไม่ด่า ไม่พูด เป็นสิ่งที่ดีกว่าในหลายสถานการณ์ แต่ก็ใช่ทั้งหมด การไม่พูดเลยบางทีก็แย่ลง, สร้างความเข้าใจผิด, ไม่มีอะไรดีขึ้นเช่นกัน
ซึ่งการไม่พูด เก็บไว้ แล้วขจัดออกไปจากใจได้เองก็ถือว่าจัดการภาวะอารมณ์ได้ดีเยี่ยม ทว่าแม้ไม่ถึงกับรกจิตใจแต่นานไปมันก็เป็นตะกอน..
การบ่นบ้าง ติงบ้าง เตือนบ้าง บอกบ้าง น้อย ๆ จึงเป็นเหมือนยาระบาย นอกจากของเสียจะพ้นไป ยังทำให้เราโล่ง และเบา เหมือนยกภาระบางอย่างออกไป แน่นอนถ้ามากไปคงเป็นยาถ่ายที่ไม่ใช่ระบายแค่ของเสีย ของดีก็เสียไปด้วยและปวดทรมาน ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า มากน้อยแค่ไหนจะพอดี ที่ถ้าควบคุมให้ได้ น้อย ๆ เป็นยาระบาย ได้แน่นอน 😁
บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 09/05/2023