บทความสำหรับ เรื่องราวในวันหนึ่ง (A Life In A Day) วันนี้จะมาพูดถึง ชื่อเล่น ที่ไม่ใช่ ชื่อเล่นจริง ๆ แต่มันเป็นชื่อที่ถูกล้อ จนเป็นชื่อเล่น หรือในที่นี้เราจะเรียกว่า ชื่อล้อเล่น เชื่อหรือไม่ว่า ชื่อเล่น ที่ในภาษาไทยมีคำว่า “เล่น ๆ” นี้อาจดูไม่จริงจัง แต่ในชีวิตหลายคนมันมีผล และสะท้อนบางสิ่งอย่างต่อคนนั้น ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน..
ฟังบทความนี้ในรูปแบบ Podcast ตามช่องทางเหล่านี้
แค่ชื่อเล่น?
เริ่มจากเรื่องของผมเองที่เป็นคนแทบจะไม่มีใครเรียกชื่อเล่นจริง ๆ เลย ส่วนใหญ่ รู้ชื่อเล่นจากท้ายชื่อจริง(หลายคนก็คงเหมือนกัน) ซึ่งก็คือ ดา ที่มาจากชื่อจริงว่า ปรีดา ในฐานะ อาจารย์ วิทยากร ก็จะเรียกกันว่า “อ.ดา” อาจเพราะการที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แต่เล็ก ญาติที่เลี้ยงดูก็เรียกว่า “ดา” แต่ไหนแต่ไร เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่สมัยเรียน จึงรู้จักในนามว่า ดา ไปโดยปริยาย
ปัญหาเล็ก ๆ มันก็มีอยู่บ้างในวัยเด็ก เมื่อถูกทักว่ามันเหมือนชื่อ ผู้หญิง มากกว่า ผู้ชาย ตอนนั้นจึงเคยนึกอยากเปลี่ยนชื่อเล่นตัวเอง ครั้นพอคิดแล้วดูท่าว่ามันคงยาก เพราะอย่างไรทางบ้านก็คงไม่เปลี่ยนตามใจ ด้วยความเป็นเด็กของเราในตอนนั้น จึงเลิกล้มความคิดไป
ทว่าวันหนึ่งโตมาวัยทำงานแล้ว เกิดรู้สึกว่า เราก็มีชื่อเล่นจริง ๆ อยู่นะ น่าจะเปลี่ยนมาใช้ดูบ้าง โดยเริ่มจากในที่ทำงานใหม่ เพราะจะได้ไม่ยึดติดชื่อเดิม มันก็ทำให้มีเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่ง รู้จักในอีกชื่อที่ไม่ใช่ “ดา” แต่ เหมือนชีวิตยุ่งยาก เพราะสังคมมีหลายกลุ่ม บางทีก็มาเจอรวมกัน ก็กลายเป็นเรียกคนละชื่อ หลัง ๆ ก็เลยเลือกใช้ ดา ไปเลย ทิ้งชื่อเล่นตัวเอง ที่คนส่วนน้อยรู้จักไปดีกว่า..
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวถึงตอนนี้ผมไม่ได้มีปัญหากับชื่อเล่นตัวเองนักหรอก แต่มีหลายคน ที่ไม่พอใจชื่อเล่นตัวเองเอาเสียจริงจัง ถึงขั้นเปลี่ยนมันจริง ๆ ก็มี เพื่อน, ญาติ หลายคนเปลี่ยนด้วยความรู้สึกว่ามันไม่เท่ ไม่เก๋ และบางคนก็รู้สึกว่ามันโหล เหตุผลระคนกันไป
..มีหลานสาวคนหนึ่ง เขาเคยไม่พอใจชื่อเขาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะเขายังเด็ก แต่ทุกวันนี้เขาโตมาเป็นสาว เขาเปลี่ยนแล้ว ในมุมมองผม ชื่อเดิมเขาเก๋กว่าไม่ซ้ำซากอะไร และในความเห็นส่วนตัวอีกแหละ ชื่อใหม่ที่เขาตั้ง กลับเป็นชื่อที่ดู… (ไม่ควรวิจารณ์สินะ) แต่โดยรวมแล้วชื่อดูเด็กใส ๆ กลายเป็นตรงข้ามกันกับชีวิตเขาวันนี้ที่ดูไม่ค่อยสดใสเท่าใดเลย
แม้ชื่อตัวเองที่ใช้มาหลายปียังสร้างปัญหาต่อการยอมรับตัวตนของตนเอง การเปลี่ยนชื่อเล่น มั่นใจได้ไงว่าจะชีวิตจะดีกว่า มันกลับยิ่งสะท้อนความอ่อนแอของเราด้วยซ้ำ..
ผมไม่ได้กำลังสรุป หรือวิจารณ์ชีวิตส่วนตัวของเขา เพราะไม่เคยไปแสดงความคิดเห็นหรือยุ่มย่ามอะไร สิ่งที่เขียนนี้เพียงสะท้อนความคิดหากเป็นเราเอง ในทำนองว่า แม้ชื่อตัวเองที่ใช้มาหลายปียังสร้างปัญหาต่อการยอมรับตัวตนของตนเอง การเปลี่ยนชื่อเล่น มั่นใจได้ไงว่าจะชีวิตจะดีกว่า มันกลับยิ่งสะท้อนความอ่อนแอของเราด้วยซ้ำ
และก็ใช่ว่ากำลังจะบอกถึงคนที่เปลี่ยนชื่อเล่นทุกคน นี่เป็นเพียงตัวอย่างจากการที่ได้เห็นตัวตนของคนหนึ่งมาพอสมควร ใครมีคนรอบ ๆ ตัว เคยเปลี่ยนชื่อเล่น ในภาวะที่เขาเปลี่ยนนั้นเขาคิดอย่างไร มาแชร์ให้ฟังบ้างก็ดีครับ เพราะส่วนนี้เป็นเพียงหนึ่งมุมมองจริง ๆ
โดยในอีกมุมหนึ่ง บางคนเปลี่ยนชื่อเล่นเพราะ “เข้าวงการ” ไม่ใช่ว่าวงการบันเทิงอย่างเดียว ชื่อเล่นในหลาย ๆ วงการก็สำคัญ โดยอาจสอดคล้องกับฉายา บ้าง การทำงานบ้าง หรือส่วนหนึ่งของอะไรก็ตามบนเหตุผลดี ๆ และนั่นย่อมทำให้อะไรดีขึ้น ก็เป็นเรื่องดี แต่ก็ยังมีอีกมุมที่เราอาจไม่เคยพิจารณา
ชื่อล้อ.. เล่น
เพราะนอกจากชื่อเล่นแล้ว เราอาจมี “ชื่อล้อ” ที่บางทีกลายเป็นชื่อเล่นจริงไปเลย ชื่อล้อเอามาเป็นชื่อเล่น ที่บอกว่าเป็น “ชื่อล้อเล่น” เนี่ย ประสบการณ์ผมเองก่อนอีกนนี่แหละ ผมมีชื่อล้อเล่นตั้งแต่วัยเด็กมาหลายชื่อ ไอ้เตี้ย, ไอ้เปี๊ยก, ไอ้ตี๋ เหล่านี้คงไม่ต้องบอกว่า เพราะอะไร
แต่มีชื่อหนึ่งที่ตอนนั้นไม่ชอบเลย คือ “ไอ้แก่” ที่มาที่ไปส่วนใหญ่ชื่อล้อเล่นมักไม่ต่างกัน คือสิ่งที่เป็นลักษณะ ออกแนวปมด้อยของเราในสายตาคนเรียก เขาอาจมองเป็นสิ่งเด่น ๆ แต่เชื่อเถอะเจ้าตัวมักรู้สึกเป็นปมด้อยมากกว่า เหตุผลที่ถูกเรียกว่า “ไอ้แก่” เพราะช่วงประถมวัยฟันน้ำนมผมหลุดไปเยอะ ฟันหน้าเหลือ 2 ซี่ข้าง ๆ เหมือนเขี้ยว คงพอนึกภาพผมตอนนั้นออกนะครับ 😂 ซึ่งมันทำให้เวลากินข้าว เคี้ยวข้าวไม่สะดวก ลูกพี่ลูกน้องผมคนหนึ่งดันสังเกต แล้วล้อผมว่า เคี้ยวเหมือนคนแก่ จึงเรียกว่า ไอ้แก่! ซึ่งในตอนนั้น ไม่ชอบเลย โดยอย่างยิ่งพอเพื่อนคนอื่นมาได้ยิน เพื่อนก็เอาไปล้อต่อ..
จากที่เล่าหลายคนคงพอคิดได้ว่าตั้งแต่วัยเด็กไปจนช่วงวัยรุ่น เราอาจมีชื่อฉายา ที่เพื่อนล้อ เพื่อนเรียก บ้างก็ขำ ๆ และบ้างก็แอบไม่พอใจ มีเพื่อนคนหนึ่งที่ตัวเขาผิวคล้ำ เข้มมาก แต่ถูกเรียกว่า ผ่อง ที่มาจากคำว่า “ขาวผ่อง” มันช่างประชด ประชัน ทั้งที่เขามีชื่อเล่นจริง ๆ ของเขา จนทุกวันนี้แทบทุกคนเรียกเขาว่า ผ่อง จนปกติไปแล้ว (ผมก็เช่นกัน 🙄) ซึ่งไม่แน่ใจว่าเขาพอใจ หรือไม่พอใจกับชื่อนี้กันแน่เหมือนกัน
เพราะหาดีในตัวให้เด่นกว่าไม่ได้ จึงพยายามหาข้อด้อยคนอื่นเพื่อกดลงแทน..
ในเรื่องชื่อเล่น ไม่แปลกถ้าเราไม่ชอบนัก แต่หากขนาดไม่พึงพอใจ ก็ควรทบทวนว่าเรามีปัญหาการยอมรับตัวเองแค่ไหน แต่ถ้าเป็น “ชื่อล้อเล่น” เราไม่จำเป็นต้องยอมรับเลย เพราะหากใครไปตั้งชื่อล้อเล่นนี้ให้เรา แล้วเราไม่ชอบใจ ควรบอกเขาไปตรง ๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจล้อเล่นจริง ๆ แต่ถ้ามันมากเข้า แม้เราไม่พอใจก็ไม่เลิกรา ตรงนี้มันบ่งบอกได้ว่า คนที่ตั้งชื่อล้อเล่นคนอื่น (กรณีไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว) หรือพยายามเรียกชื่อล้อเล่น ยิ่งเป็นชื่อในเชิงดูถูก หรือปมด้อยนั้น คน ๆ นั้น กรณีนี้ก็สะท้อนว่าเขาต้องการกดผู้อื่นลง เพราะหาดีในตัวให้เด่นกว่าไม่ได้ จึงพยายามหาข้อด้อยคนอื่นเพื่อกดลงแทน..
มุมหนึ่งก็อภัยเขาไป แต่ก็ไม่น่าคบหา เพราะว่ารู้จักกันไปเขาก็พยายามกดเราให้ต่ำลงไปวัน ๆ หรือถ้าเรากำลังทำหรือเคยทำเช่นนี้ ทบทวนดูเถอะครับ
การเปลี่ยนชื่อเล่น หรือล้อชื่อคนอื่นเล่น มันผิด ร้ายแรงไหม? ก็ไม่ใช่บทสรุปอีกนั้นแหละ เป็นเพียงแค่ มุมสะท้อนให้คิดกันดูบางประการ กับเรื่องชื่อเล่น ที่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ได้เหมือนกัน