ผมมีโอกาสได้ไปดูไบเพียงไม่กี่วัน คงเหมาะที่จะบอกว่าได้เห็นอะไรเพียงผิวเผิน แต่ส่วนหนึ่งหากเทียบกับในตอนที่ไม่ได้ไป ประกอบกับการเห็นเพียงในโลกอินเตอร์เน็ตมันก็สะท้อนว่า เราก็รู้จักดูไบเพียงผิวเผินจริง ๆ
ความผิวเผินแรก ๆ คือที่อาจทราบได้ทั่วไปหากค้นข้อมูลให้ลึกอีกหน่อยคือ ดูไบ มิใช่ประเทศ และมิได้เป็นเมืองหลวง เป็น 1 ในรัฐของประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า สห-รัฐ (มีหลายรัฐ) ส่วนเมืองหลวงคือ อาบูดาบี (abu dhabi)
ความผิวเผินต่อมา ดูไบมิใช่เมืองที่มีแต่คนรวย และยากที่จะเห็นหรือมองออกว่าคนไหนคือคนดูไบที่แท้จริง มองด้วยสายตาคุณจะเห็นแต่คน อินเดีย (หรือเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน เนปาล ซึ่งผมแยกไม่ออก) รองมาก็ฟิลิปปินส์ ที่อาจหลงนึกว่าเป็นคนไทย และที่เหลือยิ่งตามแหล่งท่องเที่ยวก็มักจะเป็นนักท่องเที่ยว รวมแล้วดูไบเป็นเมืองคนรวยแต่คุณก็ไม่ได้เจอบ่อย ๆ หรือทั่วไปนักหรอก (อาจเป็นคนตะวันออกลางชาติอื่น หรือนักท่องเที่ยวที่รวย ๆ แทนก็มี) เพราะกว่า 80% เป็นคนต่างชาตินั่นเอง
และแน่นอนว่าคุณไม่ได้เห็นคนจูงสิงโต คนที่มีนกอินทรีย์เกาะไหล่ หรือถนนมีแต่รถสปอร์ตเหมือนใน youtuber หลายช่องบอกเล่า นั่นเพียงการสร้าง Content แต่สถานที่และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ โดยรวมแล้วก็ออกไปทางหรูหรา ดูดี และแน่นอนมีความ “เยอะ” หรือที่เรียกว่า เวอร์ (Over) อยู่ในหลายที่ ซึ่งมันก็เป็นวิถีและแนวทางเรียกนักท่องเที่ยวตามรูปแบบที่เขาตั้งใจ
กล่าวไปเรื่องรถยนต์สักหน่อย ดังที่บอกว่าไม่ได้มีแต่รถสปอร์ต สิ่งที่แปลกตาแท้จริงหากเทียบกับเมืองไทยคือ ดูไบเป็นเมืองที่มีรถเกือบทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นบนท้องถนนจริง ๆ ยกเว้นแบรนด์จีนที่ผมยังไม่เห็น นอกนั้นจะฝั่งยุโรป อเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น มีให้เห็นได้เกือบทุกรุ่นทุกแบบ แน่นอนว่ารถสปอร์ต Supercar, Hypercar หลากหลายยี่ห้อมีให้เห็นเนือง ๆ แต่ถ้ายกตัวอย่างที่บ้านเราคุ้นเคยคือแบรนด์จากญี่ปุ่นที่ทำตลาดบ้านเราเข้มแข็งแต่ถ้าระดับแบรนด์หรูก็จะมีแต่ Lexus ของ Toyota ผิดกับที่นั่นที่มี Acura ของ Honda และ Infinity ของ Nissan ซึ่งค่อนข้างเยอะเสียด้วย อย่างไรก็ตามนี่อาจไม่ต่างกับหลายประเทศที่ไม่ได้แบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเอง (แต่ไทยก็ไม่มีนะ).
ความผิวเผินในส่วนต่อมา ซึ่งอาจเป็นรสนิยมหรือความรู้สึกส่วนตัวไปบ้างก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะพิจารณา เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกันกล่าวคือ นี่อาจเป็นเมืองที่ไม่มีเสน่ห์นัก โดยอย่างยิ่งถ้าเราไม่ได้นิยมการท่องเที่ยวแบบหรูหราสะดวกสบาย เพราะจากการได้เดินทางและเที่ยวชมเห็นได้ไม่ยากว่า นี่คือเมืองแห่งเศรษฐกิจและการพัฒนา ซึ่งการที่เรามาจากต่างบ้านต่างเมืองนอกจากผู้คนแล้ว กลับไม่ได้เห็นความแตกต่างทางสังคม วัฒนธรรม หรือได้สัมผัสความเป็นตะวันออกกลางเพียง “ผิวเผิน” เท่านั้น ดังที่บอกนี่คือเมืองเศรษฐกิจ และประชากรที่นี่ 80% คือต่างชาติ.
แล้วยิ่งถ้าหากเราได้ออกมาจากย่านใจกลางเมืองไปแถว Freezone, เขตอุตสาหกรรม หรือท่าเรือ อาจพบได้ว่านี่คือเมืองที่ยังสร้างไม่เสร็จ ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่กำลังพัฒนา ผู้คนที่เต็มไปด้วยคนที่เข้ามาเพื่อทำงาน ภาพจึงไม่ต่างอะไรกับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจะว่าไปก็แอบมีความย้อนแย้งอยู่บ้างกับภาพสวยหรูที่หลายคนคิด.
ใด ๆ ก็ตามแต่ การได้มีโอกาสมาเยือนเมืองนี้ ประเทศนี้ ก็ทำให้เกิดความสนใจอยากเที่ยวชมประเทศแถบตะวันออกกลางอยู่เหมือนกัน เพราะดูน่าจะมีเสน่ห์และความน่าสนใจหลายอย่าง
สรุปความผิวเผินในเรื่องนี้ ก็คือการมาเมืองนี้แล้วทำให้ได้สัมผัสความเป็นท้องถิ่นเพียงผิวเผิน และการได้มาเห็นของจริง แม้ผิวเผิน ก็ทำให้พบว่าที่เราเห็นตามโซเชียลนั้น ยิ่งผิวเผินกว่านัก…