รูปประกอบนี้ ผมถ่ายเอง ประมาณ 25 กันยายน พ.ศ. 2558 นั่นก็คือ 3 ปีก่อนเกือบพอดี* โพสต์ลงพร้อม caption หรือข้อความเดียวกับบนรูปว่า “สร้างทางตัวเอง”… ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยสนใจที่โพสต์อะไรลง Facebook (ส่วนตัว) นัก จนกระทั่งมีระบบแจ้งเตือนวันนี้เมื่อปีก่อนหรือหลายปีก่อน มันทำให้ผมโพสต์มากขึ้น เพราะชอบที่จะดูว่าในตอนนั้นมีอะไรบ้าง ได้ย้อนเตือนเรื่องเก่าๆ แม้โลกโซเชี่ยลจะไม่ใช่ส่วนตัว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เรารู้สึกส่วนตัวอยู่ดี (*3 ปี ของต้นฉบับบทความเมื่อปี 2561)
ขี้เกียจอ่าน กดฟังแทนก็ได้นะ [Podcast]
แต่นั่นไม่ใช่ใจความสำคัญ เพราะจริง ๆ แล้วประเด็นมีอยู่ว่า ถ้าเราได้เห็นเรื่องราวบน Facebook ของเพื่อนหลายคน ไม่ว่าจะเห็นเขาอยู่บ่อย ๆ หรือ ไม่พบเจอกันนาน จนมาเห็นกันอีกทีบน Facebook ก็ตาม ชีวิตหลายคนเปลี่ยนไปมาก ไม่ต้องย้อนไกล นับไปแค่ “3 ปี” และไม่จำเป็นที่ต้องสนใจใครคนนั้นแบบ Focus หรือเฉพาะเจาะจง การเห็นกันผ่าน ๆ นี่แหละ รวมถึงไม่ต้องติด Facebook ทุกวัน เพียงแต่บุคคลนั้นควรเป็นคนที่คุณรู้จักเขาในโลกจริงด้วย (หลายคนมีเพื่อนบน Facebook แบบไม่เคยเจอกันหรือคุยกันจริงๆ) คงพอทำให้เราเห็นบางคน มีชีวิตดีขึ้น ไม่มากก็น้อย การงานดีขึ้น ร่ำรวยขึ้น ได้งานใหม่ มีแฟนใหม่ ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ได้เห็นคนรุ่นน้องก้าวหน้าเติบโต เรากำลังพูดถึงในแง่การเติบโตแบบการใช้ชีวิต สำหรับเด็ก ๆ ที่โตขึ้นตามช่วงวัย อันนั้นเป็นเรื่องปกติที่ไม่ใช่ประเด็น
แล้วคนที่ชีวิตถดถอยลง ย่ำแย่ลงล่ะ… สำหรับผมกลับมองว่าแทบไม่มีหรือก็น้อยมาก ๆ.. เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าคนที่มีชีวิตดีขึ้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็น “คนที่ชีวิตวนเวียนอยู่แบบเดิม” 3 ปีก่อนเราเห็นเขาอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร ก็ดูจะเหมือนเดิม จะดูว่าแย่ลงจริง ๆ ก็สัก 1 ในร้อยคนที่มี สรุปแล้วหากเทียบกัน คนส่วนใหญ่อาจคงที่แบบดีขึ้นเล็กน้อย แย่ลงเล็กน้อย แต่คนที่ก้าวหน้า พัฒนาชัดเจน จะมีมากกว่าคนที่ถดถอยชัดเจน อยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าของคุณเหมือนของผมไหม แต่ถ้าใช่ สิ่งเหล่านี้สะท้อนอะไร?.
ผมว่าคนเรานั้นชีวิตไม่ยาก ไม่ง่าย เราล้วนมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีกำลังในการสู้ เพียงแต่หลายคนเลือกใช้ความเข้มแข็งไปกับการ “สู้..ทน” กับสิ่งเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนด้วยเหตุผล หรือข้ออ้างใด ๆ ก็ตาม ที่ถ้าเขามองย้อนแบบยอมรับความจริง จะพบว่ามีคนมากมายรอบ ๆ ตัว ที่มีปัจจัย ต้นทุน หรือสิ่งต่างๆ ไม่ได้ดีหรือต่างจากเขาเลย แต่ยังเปลี่ยนแปลงได้ และล้วนไปในทางที่ดีขึ้น
สิ่งหนึ่งคือ เมื่อครั้งที่ผมโพสต์รูปนี้ในตอนนั้น ก็มีน้องคนหนึ่งขอภาพนี้ไปแชร์ และวันนี้ 3 ปีผ่านไป ชีวิตน้องคนนั้น ก็มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน เขาเองก็เพิ่งพูดถึงบางสิ่งที่เขาสำเร็จว่า ไม่น่าเชื่อจะมาได้ขนาดนี้ โดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับภาพนี้ และเขาคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำ อาจนึกได้อีกทีตอนเห็นโพสต์นี้นี่แหละ.. (และเขาเห็นแล้ว)
ไม่เพียงเท่านี้ ในวันและเวลาที่ผมโพสต์ภาพนี้ ก็เป็นช่วงที่ชีวิตผมเองก็ถือว่าขาลง ถ้ามองโดยทั่ว ๆ ไป ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีงาน ยังไม่รู้จะทำอะไร เป็นช่วงที่หยุดพักตัวเองจากความผิดพลาดเรื่องที่เพิ่งผ่านไป ซึ่งสำหรับผมแล้วคือช่วงตั้งหลัก ทบทวน มันไม่ใช่ครั้งแรกของชีวิต หลายครั้งแล้ว ผมก็ทำแบบนี้ แย่หรือไม่แย่ ต่างกันก็แค่สติ
วันนี้ ผม และน้องคนที่แชร์ภาพนี้ มีความเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นมากมาย ได้พบ ได้ทำในสิ่งตัวเองชอบ ณ วันนั้น แม้เราไม่ได้ทุกข์อะไร แต่วันนี้เชื่อได้ว่า มีแต่ความสุขขึ้นมากมายจากช่วงที่ผ่านมา และเป็นจากการ “สร้างทางตัวเอง” ด้วยจริงๆ
ผมไม่ได้บอกว่า การที่อะไรจะเปลี่ยนไป เราต้อง สร้างทางตัวเองเท่านั้น นั่นคือจุดเริ่มต้นของบางคน บางสิ่งเท่านั้น ที่เราแต่ละคนไม่เหมือนกัน..
ทว่า หากเพียงคุณย้อนทบทวนกับ “เวลา” ดูจริงๆ แล้ว 3 ปีคุณว่านานไหม?
3 ปี คุณว่านานไหม?
เชื่อว่า หลายคนรู้สึก เหมือนเผลอแป๊บเดียว และอีกแวบหนึ่งความคิด มันก็ยาวนาน..
นานพอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมาย และทำไม.. หลายคนยังเหมือนเดิม.. ที่ก็ใช่ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย เปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนแฟน แต่ชีวิตก็เหมือนเดิม ทุกข์สุข เท่าเดิม 3 ปีที่ผ่านไป น่าจะเปลี่ยนตรงไหนดี? 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมก็ไม่รู้เลย..
เอาล่ะ อีก 3 ปี คุณว่านานไหม..
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรก 2 ตุลาคม 2561 บน Facebook Sirichaiwatt ก่อนจะปรับปรุงแก้ไขใหม่ลงเว็บไซต์แห่งนี้