ผมเขียนบทความดีๆ ค้างไว้หลายเรื่อง ทั้งธุรกิจ การตลาด และการพัฒนาตนเอง แต่ยังไม่ค่อยมีเวลาตรวจทาน ทำลงเว็บไซต์ เอาเป็นเรื่องสบายๆ มีแง่คิดมาเล่าให้ฟังกันไปพลางๆ ก่อนในช่วงนี้
วานนี้ (23 ก.ย. 60) ผมมีรับงาน 2 รูปแบบ
เช้า – รับเชิญบรรยายการตลาดออนไลน์ที่ Impact forum เมืองทองธานี ให้ครอบครัวทีมตัวแทนขาย Princess Skin Care และ Pornnapa (หรือที่รู้จักกันในนาม สบู่พรนภา) ทั้งสองแบรนด์ขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (ขอบคุณเจ้าของแบรนด์ ทั้ง 2 ท่านด้วยนะครับ น่ารักมากจริงๆ ทั้งตัวตนและความตั้งใจในธุรกิจ)
เย็น – เสร็จจากบรรยายผมก็ต้องรีบบึ่งรถกลับมาดูแลงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.ชะอำ เรียกว่าเป็นออร์แกนไนซ์ให้เขาก็ได้ กับส่วนราชการจาก จ.ปทุมธานี
งานแรก ด้านการเป็นวิทยากรช่วงเช้านั้น หน้าที่ของผมคือให้ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ในด้านการตลาดออนไลน์ ที่ผมไม่แน่ใจเลยว่าผู้ฟัง มีพื้นฐานหรือความต้องการในเรื่องใดสูงสุด ด้วยเวลาจำกัด ผมก็พยายามทำในสิ่งที่คิดว่าตอบโจทย์ความต้องการและได้ประโยชน์ต่อผู้ฟังให้มาก
ส่วนงานที่ 2 เป็นการจัดกิจกรรมรวมถึงสร้างบรรยากาศ ให้ผุ้เข้าร่วมงาน หน้างานตอนแรกเหมือนจะไม่มีอะไรเหนือจากที่ผมประเมิน แต่แล้วเจ้าของงาน อยากได้ดอกกุหลาบ 150 ดอก ภายใน 1 ชั่วโมง (บอกตอน 1 ทุ่ม ต้องใช้ 2 ทุ่ม) และฝนกำลังตกหนักมาก แน่นอนว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบผมในเบื้องต้น แต่ก็ถูกร้องขอให้ช่วยเหลือ เพราะทางเจ้าของงานวิ่งหาเองมาก่อนแล้วในช่วงเย็น ก็ไม่ได้มา
ผมพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดทั้ง 2 งาน ผ่านไปด้วยดี ส่วนงานที่ 2 ก็สามารถหากุหลาบให้ได้ด้วยบนความทุกลักทุเลพอควรและก่อนเวลาเพียงไม่กี่นาที
คิดหรือมองมุมหนึ่งนั้น ผลิตภัณฑ์ผมคือการบริการ.. ผมมักจะต้องประเมินงานตนเองเสมอๆ ไม่จากวิธีใดก็วิธีหนึ่งสิ่งสำคัญ ผมมองผลลัพธ์เป็นหลัก จนทำให้คิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ว่า อันที่จริงแล้วผมต้องการขาย “ความพึงพอใจ”
ในงานผมนั้น การบริการถือว่าหลากหลาย เพราะไม่ควรรวมถึงยากที่จะจำกัดในรายละเอียด แต่ที่ผ่านมาทุกครั้งจากการประเมินตัวเองหลังงานจบ ถ้าคิดว่าลูกค้ามี “ความพึงพอใจ” ได้ ผมก็จะรู้สึกดี ยิ่งรับรู้ได้ว่าพึงพอใจมากก็ยิ่งรู้สึกดี แต่ถ้าพอใจในระดับหนึ่ง ก็ต้องมองหาสิ่งทีจะพัฒนาไปอีกให้ได้ และหากไม่พึงพอใจผมถือว่ามันจบแล้วกับลูกค้ารายนั้น ซึ่งผมจะต้องกลับมาแก้ไขอย่างมาก ที่ผ่านมามี 1 ครั้ง (ทำให้ผมต้องรัดกุมวิธีคัดกรองบางอย่างมากขึ้นทีเดียว)
จากที่กล่าวไป ผมคิดว่า ไม่ว่าเนื้องานจะเป็นอะไรก็ตาม ไม่เกี่ยวว่าต้องเป็นด้านการบริการ เป็นสินค้าประเภทไหนก็ได้ หาก “ขายความพึงพอใจ” ได้สำเร็จ อนาคตของธุรกิจน่าจะสดใส เพราะนี่อาจสะท้อนได้ถึงคุณภาพของแบรนด์เราทั้งหมด
ฟังดูอาจไม่ใช่ข้อคิดอะไรแปลกใหม่ในข้อสรุปเช่นนี้ แต่บางที หลายๆ คนมองการตลาด การขาย เป้าหมายการขายตรงที่ ทำอย่างไรให้เขา “ซื้อ” ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะใครๆ ทำธุรกิจ ขายสินค้า ย่อมอยากมีลูกค้า อยากขายได้
ทว่าการขายให้ได้ ก็ยากอยู่ แต่ขายแล้วให้กลับมาอีกนั้น ยากกว่า ธุรกิจคุณวันนี้ล่ะ กำลังขายอะไร?