ชีวิตรัก กับ ชีวิตคู่

by

| Home » บทความความรัก » ชีวิตรัก กับ ชีวิตคู่ |


ถ้าบอกว่า “ชีวิตคู่ มันไม่ใช่แค่รักกัน” คนที่เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้างย่อมพยักหน้า หรือประโยคที่ว่า “พออยู่ด้วยกัน มันไม่เหมือนแค่ตอนเป็นแฟนกัน” อาจทำให้พอเข้าใจบางอย่างได้ดีขึ้น…

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดูมีประโยชน์หรือน่าสนใจอะไรกับผู้ที่ “เคยผ่านภาวะต้องเข้าใจ” มาแล้ว แต่คนที่ไม่เคยหรือย้อนนึกไปตอนที่เรายังไม่เจอเหตุการณ์ ประสบการณ์ หรือบทเรียนที่ทำให้เราเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ยากจะมองเห็นหรือรู้ตัวได้ในตอนนั้น…

หลายคู่แรกเริ่มคบกันต่างเคยมีเวลาให้กัน ได้คลุกคลีอยู่ด้วยกัน แต่ทุกอย่างมีเวลา มีขั้น มีภาวะของมัน และบนคำว่า “ชีวิตคู่” นั้นก็สรุปยากว่ามันเริ่มตรงไหน ส่วน “ชีวิตรัก” นั้นมันต่างกันอย่างไร อยู่ด้วยกันไม่ต้องรักกันแล้วงั้นหรือ อะไรคือความต่าง?

ช่วงที่ดีที่สุดของการคบกัน

ผมจำเหตุการณ์หนึ่งได้ดี ที่เป็นครั้งแรกทำให้ฉุกคิดมุมนี้ ตอนนั้นเป็นสมัยเรียนมัธยม จำไม่ได้ว่าบทสนทนานี้เริ่มจากตรงไหน แต่มีเพื่อนคนหนึ่งถามครูคณิตศาสตร์ (ผู้หญิงสถานะโสด) ว่าทำไมครูยังไม่แต่งงาน (ที่จริงก็แอบซุปซิบกันว่าครูคนนี้คบกับครูอีกท่านหนึ่งอยู่) ครูตอบว่า “แต่งทำไม มีแต่แฟนนี่ดีที่สุดแล้ว…” ครูพูดไปยิ้มไปอธิบายทำนองว่า ภาวะเป็นแฟน เราจะงอนเขาก็ง้อ อยากได้อะไรเขาก็จะตามใจ ยิ่งตอนมาจีบ ได้ทุกอย่าง ครูพูดเหมือนติดตลกว่า “ไม่แต่งหรอกมีแฟนไปเรื่อย ๆ ดีกว่า” เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ก็คล้อยตามถึงข้อดีรวมถึงผม ทั้งที่ในเวลานั้นเราล้วนไม่มีประสบการณ์อะไรเรื่องเหล่านี้กันมากนัก

ยากจะปฏิเสธว่านี่คือช่วงที่ดีที่สุดของการคบกัน อาจสรุปไม่ได้ทางภาษาว่าช่วง “เป็นแฟน” เพราะเราใช้คำว่า “แฟน” ได้ในทุกสถานะ แต่คงเข้าใจไม่ยากว่าคือช่วง “ใหม่ ๆ” ซึ่งก็ตัดสินไม่ได้อีกต่างหากว่า “ยังใหม่” ใช้เวลานานเท่าใด บางคู่ เพียงเดือนเดียว บางคู่เป็นปี อยู่ที่การใช้เวลา การมีระยะต่อกัน และนิสัยใจคอของแต่ละฝ่าย

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด

แต่ช่วงนี้คือช่วงที่ต่างทั้งมีอารมณ์ลุ่มหลง ต่างดื่มด่ำ ต่างมองแต่สิ่งดี ๆ ต่างพร้อมที่จะให้ และยอม ซึ่งหากพิจารณาแล้วสิ่งที่แสดงออกในตอนนั้นมีหลายเรื่องที่อาจเป็นสิ่งชั่วคราว และนั่นจึงทำให้ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดด้วยเช่นกัน

ชีวิตรัก กับ ชีวิตคู่

กล่าวกันแบบไม่คิดมากทางข้อจำกัดของภาษา “ชีวิตรัก” คือการใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงภาวะที่มีอารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวข้องสูงและเพิ่งคบกันไม่นาน ส่วน “ชีวิตคู่” คือการใช้ชีวิตในภาวะที่ปกติแบบชีวิตต้องดำเนินไป ใช่ว่าสองแบบนี้จะแยกกันขาดชัดเจนหรือเป็นขั้วตรงข้ามกัน แต่น้ำหนักของบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนไปได้เสมอ

ช่วงชีวิตรัก : เหตุผล และปัจจัย ของตัวเราจะน้อยกว่าหรือบางทีแทบจะไม่มีเลย ลืมไปเลย พร้อมจะยอม จะมอบ จะแบ่งให้เขา ความสำคัญของเรื่องอื่น/คนอื่นดูจะน้อย

ช่วงชีวิตคู่ : จะเต็มไปด้วยเหตุผล ปัจจัยที่จำเป็น เริ่มต้องการบางสิ่งมากขึ้น หรือคาดหวังบางอย่างจากอีกฝ่ายเหมือนเดิม แต่ฝ่ายตัวเองไม่สะดวกมอบให้เท่าเดิม ความสำคัญเรื่องอื่น/คนอื่น เริ่มมีมาก

ภาระผูกพันต่อคำว่า “สม่ำเสมอ” หรือ “เปลี่ยนไป”

นี่คือภาพรวม ๆ ที่ดูแล้วชีวิตคู่ดูแย่จังเลย แต่หากพิจารณามันอาจไม่ใช่และควรจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะชีวิตรักเป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของชีวิตอยู่แล้ว เป็นช่วงหนึ่งที่เราให้เวลาให้น้ำหนัก ให้ความสำคัญกับความรักไปมาก การเปลี่ยนแปลงที่ตามมาอาจทำให้เราหรืออีกฝ่ายรับไม่ได้ เมื่อถูกเปรียบเทียบกับช่วงเวลาอื่น หรือเวลาผ่านไป มันย่อมต่างกันสิ้นเชิง ถึงได้กล่าวว่า “อันตราย” เพราะยิ่งสร้างไว้ ยิ่งให้ไว้ ยิ่งสัญญา ยิ่งส่งมอบ มันอาจหมายถึงภาระผูกพันต่อคำว่า “สม่ำเสมอ” หรือ “เปลี่ยนไป” ซึ่งหากโชคดีเจอคนที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงปัญหาคงน้อยหรือยากจะเกิด

หากมองกันมุมหนึ่ง เมื่อเรามีเป้าหมาย ในที่นี้อาจหมายถึงแฟน/คนรัก จึงมุ่งให้ได้มา พยายามทำให้ดี ย่อมต้อง Focus ทุ่มเท ใส่ใจ เมื่อได้มาแล้ว ธรรมชาติคนเราก็ควรไปทุ่มเท ใส่ใจให้เรื่องอื่นบ้าง เพราะชีวิตไม่ได้มีด้านเดียว…

แต่แม้จะ “ด้านเดียว” แต่ก็เป็น “ด้านหนึ่ง” ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงแบบแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงย่อมสร้างปัญหา ไม่ว่าจะแค่การปฏิบัติต่อกัน หรือ บุคลิกนิสัยที่ไม่เคยรู้ไม่เคยแสดง ภาระหน้าที่ที่ซ่อนเร้น ไปจนถึง เป้าหมายของชีวิตที่แตกต่างกันโดยที่ไม่เคยได้แชร์หรือพูดคุยกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้กำลังหมายถึง “ชีวิตหนึ่ง”

“ทำไมเธอไม่ส่งเสริมฉัน? ทำไมเธอต้องถ่วงฉัน? ทำไมเธอถึงเอาแต่ใจ?” อะไรทำนองนี้คือปัญหาปลายเหตุ… “สมัยเป็นแฟนกันเหมือนงานจะไม่เคยมาก่อน?” ข้อเท็จจริงในใจอาจเป็น “ก็เรื่องแฟนสำเร็จแล้ว เรื่องงานก็ควรจะสำเร็จด้วย” หากฝ่ายหนึ่งมองว่าความสัมพันธ์ต้องมาก่อน และอีกฝ่ายมองว่า หน้าที่การงานก็สำคัญต่อชีวิต กล่าวเช่นนี้เราอาจเห็นในเหตุผล หรือ “ต้นตอ” ของปัญหา แต่ภาวะจริงเรามักไม่ได้พูดกันในจุดนี้ มันเริ่มระหองระแหงกันง่ายกว่านั้น แค่มีเวลาให้น้อยลง โทรไป/ส่งข้อความไป แล้วตอบไม่รวดเร็วอย่างเคย นำพาไปทะเลาะกันไปเรื่องอื่นบานปลาย…

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียว และเป็นเพียงหนึ่งในต้นตอมุมคิดที่แตกต่าง เมื่อ “ชีวิตหนึ่ง” ต้องร่วมกับอีกชีวิตหนึ่ง ด้านรัก ที่หันหากันได้แล้ว ต้องต่อสู้กับ ด้านชีวิตอีกหลายด้าน ทั้งภาระ ปัจจัย เป้าหมาย ที่สำคัญ “ความเปลี่ยนแปลง” ทั้งดี ทั้งร้าย ทั้งจากเรา ทั้งจากเขา ทั้งจากสังขาร…

หากบรรยายหรือยกตัวอย่างทุกปัจจัยความเป็นไปได้ ลงรายละเอียดคงเขียนได้เป็นเล่ม ๆ แต่ขมวดปมลงไปมันอาจรวมได้ว่า “ช่วงชีวิตรักเราอาจมีเป้าหมายเดียว” มันจึงดูดี ดูง่าย (ถ้าแค่เริ่มดูไม่ดีดูยาก ก็เสี่ยงกันเอานะ 😅) แต่ช่วงชีวิตคู่ เป้าหมายมากขึ้น ทั้งของเรา ทั้งของเขา เป้าหมายมาก ภาระมาก ปัจจัยมาก องค์ประกอบมาก ตัวละครมาก ยิ่งอยู่ไป การเปลี่ยนแปลงยิ่งมาก บนการตัดสินใจ… ที่มีอีกคนเกี่ยวข้อง ถ้าเข้าใจง่าย ก็ตัดสินใจง่าย ถ้าไม่ยอมเข้าใจ ก็ยาก ถ้าเอาแต่ฝ่ายตัวเอง ก็พัง มันก็เท่านี้จริง ๆ

เพราะการได้มา เราอาจมองว่ายาก แต่การรักษาให้อยู่ตลอดไป ยากกว่าเสมอ…

บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 26/04/2023

Sirichaiwatt Avatar
วิทยากร คอลัมนิสต์ นักเขียน นักคิด ที่ปรึกษา อิสระ ปัจจุบันประกอบอาชีพหลัก พ่อบ้าน :P ส่วนวิทยากร ธุรกิจส่วนตัว และอื่น ๆ เป็นอาชีพรอง.. V(^0^)V
แสดงความคิดเห็น