ชวนมาเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเงินล้าน

by

| Home » บทความดีๆ » การพัฒนาตนเอง Think+ » เปลี่ยนทัศนคติ » ชวนมาเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเงินล้าน |


คงเป็นอีกบทความหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องเป้าหมาย เน้นส่วนสำคัญคือการ ย่อยเป้าหมายและเข้าใจอุปสรรค ส่วนการที่ “ชวนมาเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเงินล้านนั้น” ก็เพียงนำเรื่องการขายก๋วยเตี๋ยวมาเป็นตัวแทนการทำสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ โดยคิดเอาว่าน่าจะเป็นตัวอย่างที่เข้าใจง่าย และส่วนหนึ่งไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ในสาขาอาชีพไหน ก็มีโอกาสสำเร็จได้ คล้ายเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวที่ขายได้เป็นล้าน…

แม้นี่ไม่ใช่บทความธุรกิจโดยตรงแต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง มีหลายอาชีพ หรือธุรกิจ(เล็ก ๆ) ที่คนนิยมทำแบบเริ่มต้น เช่น ขายน้ำ, ขายลูกชิ้น-หมูปิ้ง, รับเครื่องสำอางมาขาย และ ขายก๋วยเตี๋ยว ก็เป็นอีกสิ่งที่คนมีทุนนิดหน่อยคิดจะทำ เพียงแต่การเริ่มต้นค้าขายอะไรเหล่านี้ ถ้าวันนี้มีคนเริ่ม 100 คน จะเหลือไม่ถึง 20 คนภายใน 1 ปี และเหลือไม่ถึง 10 คนภายใน 3 ปี และอาจยังขายอยู่เพียงไม่ถึง 5 คนหลังจากผ่านไป 5 ปี สรุปง่าย ๆ คือ ทำแล้วส่วนใหญ่ไปไม่รอด จะด้วยเหตุผลใดในมุมแง่คิดธุรกิจ นั่นไม่ใช่ประเด็น…

ในการที่คนค้าขาย เริ่มต้นแล้วไปได้ดีแค่ช่วงแรก ๆ แล้วไม่นานเหลือไม่กี่ราย หากมองเทียบกับความสำเร็จ อาจทำให้เข้าใจในสิ่งหนึ่งคือ “ทุกวงการ คนสำเร็จมีน้อยกว่าคนไม่สำเร็จมากนัก”

สำหรับก๋วยเตี๋ยวเงินล้าน ถ้ามีเงินล้านก่อนจะมาขายก๋วยเตี๋ยว มีเงินลงทุนหลักล้านอยู่แล้วมาลงทุนเปิดร้านเช่นนี้ไม่นับ… อีกประการ “ย้ำว่า” ในที่นี้เราไม่ได้มาวิเคราะห์ร้านก๋วยเตี๋ยวจริง ๆ แต่เปรียบเปรยเป็นแนวคิดเป็นแนวทางของมุมคนที่อยากสำเร็จเพียงเท่านั้น แต่จะใช้ไปเป็นแง่คิดการขายก๋วยเตี๋ยวจริงก็ไม่ผิดอะไร…

ปัญหากระดุมเม็ดแรก

คนที่คิดมาขายก๋วยเตี๋ยวเหตุที่ไปถึงเงินล้านไม่ได้ เพราะเจตนาหรือใจที่เริ่มต้นนั้นมันผิดแต่แรก ยกตัวอย่างที่คน “ส่วนใหญ่” เลือกมาขายก๋วยเตี๋ยว ก็มักจะเป็น

– ไม่รู้จะขายอะไรดี อันนี้น่าจะง่าย : อะไรที่ง่ายแสดงว่าใครก็ทำได้ และนั่นหมายความถึงคู่แข่งเยอะ เมื่อคู่แข่งเยอะย่อมยากกว่าคู่แข่งน้อย อะไรที่คู่แข่งน้อยสิ่งนั้นมักทำยากแต่ได้มูลค่ามาก คู่แข่งเยอะได้มูลค่าน้อย (กำไรน้อย) ดังนั้น ถ้าแค่เริ่ม ก็คิดว่า ‘เลือกทำอะไรง่ายแล้วจะได้ดีกว่าใครมันไม่ย้อนแย้งหรือ?’

สิ่งนี้เคยทำเป็น, ได้สูตรมา : ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าจะพอใจ พอลูกค้าบอกไม่อร่อย หรือจริง ๆ อร่อย ก็ใช่ว่าลูกค้าจะมาต่อเนื่อง ก็อาจท้อ คิดอะไรไม่ออก เพราะความตั้งใจจริงเพื่อสิ่งนี้มีน้อย มีเพียงแค่เรื่องเดียวเป็นฐาน ไม่ได้คิดพร้อมตั้งรับอุปสรรคเรื่องอื่น หรือมองตื้นไป ซึ่งปัจจัยความสำเร็จมันมีมากกว่าแค่ทำเป็น ทำได้ดีเพียงด้านเดียว…

ไม่อยากทำงานประจำ ไม่อยากเป็นลูกจ้าง : คงเพราะไม่อยากรับคำสั่ง ไม่อยากรับแรงกดดัน แต่ค้าขาย ก็ต้องรับคำสั่งลูกค้า การเป็นลูกจ้างรับมือกับเจ้านายคน-สองคน ยังไม่ไหว เปิดร้านมีลูกค้ามาสั่งหลายราย ก็คล้ายมีเจ้านายเป็นสิบ เป็นร้อย แล้วถ้าจะขายดีก็ต้องมีลูกน้องทีนี้แหละจะรู้สึกเหมือนกรรมมันตามมา 😁 ประเด็นคือไม่มีสิ่งใดจะสำเร็จได้โดยไม่มีอุปสรรคเรื่องคน ผ่านพ้นไม่ได้ ก็พัฒนาไม่ได้

– ได้มีเวลามากขึ้น : หลายคนจะคิดว่าค้าขายทำให้มีเวลามากขึ้น บ้างเพราะไม่อยากเหนื่อย แต่คิดให้ดี ๆ ถ้ามีเวลาเหลือมาก นั่นคือขายไม่ดี นั่งเฝ้าร้านเฉย ๆ ถ้าเราขี้เกียจ ยิ่งไม่ควรค้าขาย เพราะขายดี เวลาจะน้อยลง เหนื่อยมากขึ้น ขายไม่ดีก็ยิ่งต้องขยันหาวิธี “ถ้าเริ่มต้นสิ่งใด ทำไปแล้ว ยิ่งใช้เวลาน้อยเท่าไร แสดงว่าใกล้เจ๊งเท่านั้น…”

อย่างน้อยก็มีกิน : ถ้าขายไม่ค่อยได้อย่างน้อยครอบครัวก็ได้กิน นี่ชี้ชัดว่าการบริหารต้นทุนย่ำแย่ ขาดความเข้าใจชัดเจน ภายหลังกระแสเงินจะมีปัญหา บริหารเงิน/ทุนไม่ได้ เติบโตยากแน่นอน 😥 เงินคือปัจจัยพื้นฐานในทุกเรื่องในการลงทุน ไม่เกี่ยวว่ามีทุนมากมีทุนน้อย ไม่เข้าใจการจัดการยังไงก็พัง คนรวยก็จนลงได้อย่าลืม

– คำนวนแล้วน่าจะพออยู่ได้ : หลายคนคิด คำนวณเป็น ก็ประเมินว่ากำไร “อย่างน้อย” ก็ได้พอ ๆ กับรับจ้าง หรือมากกว่านิดหน่อยก็ยังดี เพราะมีข้อดีจากข้างบนมาเสริม เช่น มีเวลา, เป็นนายของตัวเอง แต่อย่าลืมว่า ไม่มีอะไรการันตีความมั่นคง มันยากที่จะรู้ว่าเราจะขายได้วันละ เดือนละ เท่านั้นจริงไหม เกิดป่วย มีธุระ ต้องปิดร้านนั่นคือรายได้ที่หายไปพอควรจากการคำนวณ ไหนจะมีคู่แข่ง ทำเลมีปัญหา ไฟดับ ฝนตก น้ำท่วม อะไรเหล่านี้ที่ต้องจัดการ ผิดกับรับจ้าง เป็นพนักงาน รายได้มั่นคง สม่ำเสมอ เวลาก็แน่นอน ปัจจัยก็มักจะชัดเจน อยู่ที่เราจัดการตัวเองอย่างไร ดังนั้นถ้ามองแค่พออยู่ได้ ก็ถือว่ายังเสี่ยง ยิ่งไม่มีประสบการณ์บริหารจัดการแล้วด้วย เพราะปัจจัยต่อความสำเร็จมีหลายอย่าง จึงต้อง”จัดการ”เป็น

นั่นเพียงตัวอย่างการคิดเริ่มต้นที่ยังไม่เห็นความสำเร็จ และความสำคัญของกระดุมเม็ดแรกคือแทบไม่มีใครตั้งใจ “จะขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อให้ได้เงินล้าน” เลยจากตัวอย่าง ถ้าคิดเพียงจะขายแค่ง่าย ๆ นั่นมันจึงไม่เคย “วางแผน”… (ย้ำในที่นี้เราพูดโดยส่วนใหญ่ ไม่มีเจตนาเหมารวม) เช่น วางแผนว่าจะต่างจากคู่แข่งที่มากมายได้ยังไง, จะรองรับการเติบโตได้อย่างไร เพราะขายดี จะยุ่งขึ้น เหนื่อยขึ้น เวลาน้อยลง รวมถึงเคยคิดไหมว่าที่จริงแล้ววัน ๆ กำไรเท่าไร หรือคนในบ้านกินเองหมด? นี่คือสิ่งสะท้อนแทนอีกหลายสิ่งที่ไม่สำเร็จว่า เพราะเราจะทำอะไรไม่เคยมี “เป้าหมายที่ชัดเจน” ย่อม “ไม่สามารถวางแผนได้” และไม่สามารถมองเห็นถึงปัจจัยหรือ “อุปสรรค” ได้ชัดเจนเลย มันล้วนเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ผิดกันมากมาย นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมส่วนใหญ่ไม่สำเร็จ ส่วนน้อยที่สำเร็จ

ขายให้มีเงินล้าน

ในมุมสำคัญต่อมาของบทความนี้คือ “ย่อยเป้าหมาย” แน่นอนมันต้องมาจากการ “มีเป้าหมาย” ก่อน แต่ครั้นว่า จะขายก๋วยเตี๋ยวให้มีเงินล้าน ทำได้มันก็ชวนให้ใคร ๆ อยากลาออกจากงานกันเสียจริง ตรงนี้เองเราส่วนใหญ่ มักมีแต่ “แรงจูงใจกับสิ่งที่ไม่ใกล้เคียง” ความหมายคือ ถ้าบอกว่าขายให้ได้กำไรวันละพันมันไม่น่าจูงใจเท่าไร เพราะขายไม่มีวันหยุดได้เดือนละ 3 หมื่น (เอง) ก็อาจถือว่ามากสำหรับหลายคน แต่มันหมายถึงไม่มีวันหยุด และต้องทำอะไรมากมาย กับบางคนที่มองง่าย ๆ ว่าแค่ตื่นเช้าเดินเข้าออฟฟิศ เข้าโรงงาน ก็ได้แล้ว 25,000 สบายกว่าเยอะ…

ชวนจำแนกก่อนสักนิด คิดสักหน่อยถ้าขายแล้วให้ “เหลือ” จากกินใช้ทั่วไปวันละ 1,000 พันล่ะมันยากไหม มันก็เริ่มเป็นไปได้มากกว่ามองเงินล้าน…

ประเด็นคิด ยังไม่ต้องไปมอง “เงินล้าน” แค่มอง “เงินเหลือ” จากกำไร หักกินใช้ธรรมดารายวันให้ได้วันละ 500-1000 เท่านี้นั้น เงินล้านจะไม่ไกลเลย เพราะนั่นหมายความว่า เราจะสามารถเก็บได้เดือนละ 3 หมื่น, 1 ปี จะได้ 3 แสน 6 และเพียง 3 ปี เราก็จะมีเงินล้าน..

“ย่อยเป้าหมายคือการทำในสิ่งใกล้ให้เป็นจริงก่อน” เชื่อว่าพอถึงตรงนี้หลายคนก็จะมองว่า 3 ปี ก็นานนะ แต่ถ้าเราเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีเงินเดือน 3-4 หมื่น ย่อมไม่มีทางที่จะเก็บเงินได้เท่านี้ ซึ่งสมมติว่าเก็บได้เดือนละ 5 พัน 1 ปีก็จะได้ 6 หมื่น, กว่าจะได้ 1 ล้าน ก็เกือบ 17 ปี…

แน่นอนว่านี่คือการมี รายได้ไม่เท่ากัน เพราะกำลังหมายถึงยอดขายที่มากกว่า 3 หมื่น หักต้นทุนไปด้วยคิดง่าย ๆ อย่างน้อยก็ต้องขายได้เดือนละ 6 หมื่น แต่คิดให้ดีนี่คือยอดขาย ที่ย่อยไปก็คือขายให้ได้วันละ 2 พัน จะยากจะง่าย ก็ลองไปพิจารณา แต่เชื่อว่าเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้กว่า ได้เงินเดือน 3 หมื่น เก็บ 3 หมื่น

ทีนี้มามองยอดขายวันละ 2 พัน+ หลายคนก็คิดแล้วว่าไม่น่ายาก แต่ถ้ายังยากอยู่เราก็แค่มองในจุดนี้ ปรับปรุงในจุดนี้ ต่อยอด หรือพัฒนาในจุดนี้ ให้ได้แค่วันละ 2 พัน มันใกล้ตัว ง่ายกว่ามองว่า เมื่อไรจะมีเงินล้าน ซึ่ง 2 พัน มันต้องพอวางแผนได้ อยู่ที่ความสามารถตัวเอง ต่อให้ยังอ้างปัจจัยยอดฮิต “ไม่มีทุน” ก็ย่อยเป้าหมายลงมา “สร้าง-เก็บ-หา ทุน” ก่อนสิ ก็จะได้มีเสียที เหล่านี้เปรียบกับการนั่งฝันไปวัน ๆ ว่า “ทำไงดีจะมีเงินล้าน?” มันกว้างไกล ฟุ้งซ่าน และเป็นไปไม่ได้เต็มไปหมด

เตือนอีกที ไม่ได้กำลังจะบอกว่า การเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ดี ออกมาค้าขายดีกว่า เพียงแต่อยากให้มองว่าเป้าหมายคืออะไร เพราะมีไม่น้อยที่ลาออกมาค้าขายแล้วแย่กว่าเก่ามาก นั่นเปรียบได้กับ “อยากแต่ไม่วางแผน” หรือ “คิดแบบไม่มีเป้าหมาย” และ “มีเป้าหมายแต่ไร้จุดหมาย เพราะย่อยเป้าหมายไม่เป็น”

สิ่งที่ยากกว่า ไปตรงไหน คือ ไปอย่างไร เสมอ ซึ่งถ้ามันไกล ค่อย ๆ ไปที่ละช่วงมันก็จะง่ายกว่า ไม่ว่าปัจจุบันจะทำอะไรอยู่จุดไหน มันก็ต้องมีแผนทั้งสิ้น สรุปเรื่องนี้ ย่อยเป้าหมายต้องเกิดจากการคิด วางแผน และจัดการ นี่จึงเป็นเหตุที่ควรมองให้ออกว่า การที่อยากสำเร็จ แต่เห็นแค่อุปสรรคมากมาย เพราะย่อยเป้าหมายไม่ได้นั่นเอง

บทความฉบับปรับปรุง เผยแพร่ครั้งแรก Facebook Sirichaiwatt เมื่อ 14/06/2023

ชวนมาเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเงินล้าน

Sirichaiwatt Avatar
วิทยากร คอลัมนิสต์ นักเขียน นักคิด ที่ปรึกษา จากสายด้านธุรกิจ การตลาด สู่การจัดการบุคคลากร และว่าที่นักจิตวิทยาการปรึกษา
แสดงความคิดเห็น