โรงเรียนของใคร

by

| Home » บทความดีๆ » บทความน่าอ่านและเรื่องราวดีๆ » A Life In A Day » โรงเรียนของใคร |


ผมพร้อมทีมงานเดินทางมาถึงโรงเรียนที่ห่างไกลเขตเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งหากขึ้นชื่อว่า โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแล้วละก็ หลายคนคงพอจินตนาการออกหรือเข้าใจได้ไม่ยากว่า สภาพหรือบรรยากาศจะเป็นอย่างไร แต่ทว่าสำหรับที่นี่แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะสถานที่ อาคารต่างๆ ถูกเปลี่ยนและพัฒนามาหลายปีแล้ว

99304

ในวันที่เราเดินทางกันมายังอยู่ในช่วงปิดเทอม โรงเรียนว่างเปล่าและเงียบสงบคงมีเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาจากร่องรอยความวุ่นวายของเด็กๆ ที่จางหายไปกว่าเดือนแล้ว เรายืนมองไปรอบๆ กันเพียงไม่นาน ผู้ชายผิวดำแดงรูปร่างสันทัด ขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งตรงลัดสนามเข้ามาหาพวกเรา โดยเห็นแต่ไกล

หลังจากที่ทักทายกันพอเป็นพิธีเราจึงได้บอกกล่าวถึงเหตุผลการมา และได้พูดคุยถึงสิ่งต่างๆ ตามส่วนงานที่จำเป็นของทีมงาน จนเริ่มเข้าถึงในบางมุมของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแห่งนี้..

มุมหนึ่งแสดงถึงอีกด้านที่เราไม่เคยคิด เริ่มด้วยเรื่องอาคารที่ดูดี และสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่เหล่านี้ ไม่สามารถช่วยหล่อเลี้ยงอะไรได้ เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างบังตาภาพเสื่อมโทรมจากผู้พบเห็นเท่านั้น ประกอบกับเป็นที่จารึกชื่อผู้มีอุปการคุณเอาไว้อย่างถาวร จริงอยู่แม้จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ด้วยโรงเรียนแห่งนี้ไม่สามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองหรือมีรายได้อันปกติแบบโรงเรียนทั่วไป ในที่นี้หมายถึงงบประมาณด้านค่าเทอมหรือค่าหนังสือต่างๆ สิ่งที่เป็นรายได้ประจำมีเพียงค่าอาหารกลางวันมื้อละ 20 บาทตามจำนวนหัวเท่านั้น

ซึ่งหากเราพอจะนึกออกการผลิตอาหารกลางวัน หรือไม่ว่าการผลิตอะไรก็ตามหากผลิตยิ่งจำนวนมากย่อมหมายถึงต้นทุนต่อหน่วยลดลง ตรงนี้สื่อว่าหากโรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมากจะช่วยลดต้นทุนได้ แต่สำหรับที่นี่นักเรียนมีเพียงราว 60 คนเท่านั้น แม้จะไม่ขาดแคลนเรื่องอาหารกลางวันแต่งบประมาณเพียงอย่างเดียวนี้ก็ไม่สามารถจุนเจือด้านอื่นได้เลย นอกจากประทังเด็กไปวันๆ

“สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกแย่ ท้อใจ ไม่ใช่น้อยใจโชคชะตาโรงเรียนเราที่ไม่มีงบประมาณ หรืออะไรมาบริจาค แต่โรงเรียนอื่นๆ ที่คล้ายกัน มีสภาพโรงเรียนดูเก่าหน่อย โทรมหน่อย คนก็พาไปบริจาค แล้ว เขา ก็ฝึกเพียงเด็ก ให้ยืนร้องเพลง ต้อนรับ ขอบคุณ นั่นคือการหารายได้ มันเหมือนอะไร..”
ฟังดูเหมือนการตัดพ้อ ทว่านี่มันเป็นเพียงการเริ่มต้น ที่ทำให้เขายิ่งมุ่งมัน แววตาครูผู้เล่าเปลี่ยนไป ในขณะที่เรื่องเหมือนจะดูย่ำแย่ เขาบอกกับเราอีกว่า
“ผมพยายามสร้างความยั่งยืน”
เขาเล่าถึงว่าเขาสร้างวิถีให้โรงเรียนนี้ด้วยการ ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ คือสิ่งสำคัญหนึ่งที่จะหล่อเลี้ยงโรงเรียนนี้ได้

ผมได้ฟังแล้วรู้สึกสะอึกเล็กน้อย เพราะส่วนหนึ่งนั้นมันเป็นมุมที่เราไม่ได้มองให้ลึก บางทีเราเห็นเพียงสภาพแวดล้อมบางอย่างเสื่อมโทรม หรือดูแย่ เราจึงอยากช่วยเหลือ แต่ไม่เคยคิดว่า แล้วที่มันแย่อยู่อย่างนั้นมันเคยดีขึ้นไหม บางที ที่มันแย่เพราะผู้ดูแลไม่ได้ทำ ไม่ใช่ว่าเหตุเพราะขาดปัจจัยก็เป็นได้ และผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เลือกช่วยเหลืออะไร โดยตัดสินจากเพียงการมองหยาบๆ ที่ภายนอกเท่านั้น

97565

“..และที่น่าเสียใจ เขามีเงิน ได้เงินมา กลับไม่สร้างไม่ทำ ผมเองต้องเจียดเงินเดือนตัวเองทุกเดือนแทบไม่ได้ใช้..”
เขาทำเพื่อเอาไปหล่อเลี้ยงความยั่งยืนพวกนี้
“..ผมเป็นคนที่นี่ ที่จริงบ้านผมก็พอมีฐานะ ผมจะซื้อรถยนต์ก็ได้ อะไรก็ได้ แต่ผมมาทำสิ่งเหล่านี้ทำไม ผมเรียนจบโท แต่ผมก็อยู่แบบนี้ ทำสิ่งนี้ เพื่อที่นี่..” คำกล่าวโดยคร่าวๆ จากครูคนหนึ่งที่ทำให้พวกเราอึ้งในหัวจิตหัวใจของเขา

มันจึงไม่แปลกใจเลยว่า สิ่งที่เป็นผลผลิตออกมาจากที่เราได้เยี่ยมชม ไม่ใช่เพียงเกษตรกรรม หรือ ปศุสัตว์ไร้ราคา ข้าวไรซ์เบอรี่ ไก่เบตง ไก่ดำ นี่คือผลผลิตที่ล้วนแต่มีราคากว่าผลผลิตปกติในประเภทเดียวกัน มันแสดงถึงวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดา จากครูผู้มีปัญญา และเป็นอีกหนึ่งผู้ที่อาจจะมีหัวโขนหลากหลาย มองได้ทั้งในฐานะ ทหาร ครู หรืออื่นใดตามแต่ใครจะมอง แต่เขาคืนผู้เสียสละและเป็นผู้ที่มีความสำคัญของท้องถิ่นที่ แต่ละท้องที่ควรมีและยกย่องไว้ให้ใครๆ ได้รู้จัก “จสต.อำนาจ สืบสุทธา” (โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านย่านซื่อ กุยบุรี)

11255129_941099722607654_577707805_n

Sirichaiwatt Avatar
วิทยากร คอลัมนิสต์ นักเขียน นักคิด ที่ปรึกษา อิสระ ปัจจุบันประกอบอาชีพหลัก พ่อบ้าน :P ส่วนวิทยากร ธุรกิจส่วนตัว และอื่น ๆ เป็นอาชีพรอง.. V(^0^)V
แสดงความคิดเห็น