ไอ้ทิดกับไอ้แฉะ 2 ตอน งาน 3 ส่วน

by

| Home » บทความดีๆ » บทความน่าอ่านและเรื่องราวดีๆ » Fiction » ไอ้ทิดกับไอ้แฉะ 2 ตอน งาน 3 ส่วน |


. . . ในขณะที่กำลังตักข้าวเย็นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ไอ้แฉะก็มาตะโกนเรียก อย่างที่มันไม่รู้เลยว่า ได้ทำบาปอย่างมหันต์ฐานที่ทำลายความสุขคนกำลังกิน แต่ทว่าก็โกรธมันไม่ลง เพราะไม่ได้เจอมันหลายวัน เนื่องจากมันไปอบรมทางวิชาการเสียหลายวัน อ่อก็มันเป็นนักวิชาการนี่นา จริง ๆ นะ ไม่เชื่ออย่าลบลู่ . . .

ประโยคแรกที่มันพูดทันทีหลังจากที่มันจ๊ะเอ๋หน้าผมเมื่อผมเปิดประตูโผล่ออกไปก็คือ “ไปกินเหล้าบ้านไอ้ทิดกัน!” มันบอกว่าไปอบรมวิชาการเสียหลายวัน เลือดในสมองมันไม่ค่อยไหลเวียนตื้อไปหมด นั่นเป็นเพียงคำอ้างของมัน ทั้ง ๆ ที่ เราไม่คิดว่ามันจะรอดจากตอนที่แล้ว ถึงจะว่ามันแต่ผมก็ไปกับมันอยู่ดี..

เรื่องสั้นไอ้ทิดกับไอ้แฉะ2งาน3ส่วน

ไอ้แฉะตระเตรียมการไว้อย่างดี บนเบาะหลังรถเก๋งของมันมีทั้งกับแกล้มและกับข้าว เหล้า โซดา พร้อม มันยังบอกอีกว่าโทรให้ไอ้ทิดจัดเตรียมสถานที่เรียบร้อย และมันยังซื้อกับข้าวไปสินบนเมียไอทิดอีกแน่ะ ไม่นานเราก็มาถึงบ้านไอทิด ไม่มีอะไรนอกจากทักทายเมียและลูกสาววัย 7 ขวบของไอทิดตามคุ้นเคย และชมรมสมาคมคนรักตับอยากให้ตับแข็ง(แรง) ก็เริ่มขึ้นตามระเบียบ..

“หายไปหลายวัน อบรมเรื่องอะไรมาวะ เล่าให้ฟังหน่อย” การสนทนาแรกหลังจากตั้งวงเสร็จ เกิดจากผมถามไอแฉะมัน

“พวกเรื่องการบริหารงานองค์กรน่ะ มีนักวิชาการมาพูดเรื่องทฤษฎี ต่าง ๆ ให้ฟัง อะไรทำนองนี้” มันชี้แจง

“มีอะไรน่าสนใจบ้างมั้ย หรือว่าส่วนใหญ่มึงหลับ” ไอ้ทิดถามบ้าง

“ไม่ได้หลับนะโว้ย มีหลายเรื่องน่าสนใจเชียวแหละ ซึ่งกูว่ามันจริงเลยแหละ กูจะยกตัวอย่างให้ฟัง มีเรื่องหนึ่งกูจำแม่นมาก กูว่ามันเข้าท่า เขาบอกว่าหากเราแยกงานที่ต้องทำวันๆ หนึ่ง ของพนักงานคนหนึ่งเป็น 3 ส่วน คือ ก. งานที่ต้องทำประจำ, ข. งานปรับปรุงพัฒนา และ ค. งานแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า สมมติว่าเป็นพนักงานธุรการบัญชีสักคน งาน ก.ของเขาก็อาจเป็นการคีย์ข้อมูลใบเสร็จ งาน ค.ก็คือเวลามีปัญหาเช่น คีย์ข้อมูลผิด ข้อมูลส่งมาผิดก็มานั่งแก้ อะไรทำนองนี้ ทีนี้เขาบอกว่า พนักงานคนนี้ทำงาน ก. คือออกใบเสร็จลูกค้า ก็แย่แล้ว ทำทั้งวัน เวลามีปัญหาก็เข้า งาน ค. ก็แก้ไปอีก ก็หมดวันแล้ว เลยไม่มีเวลาให้กับงาน ข. คือปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นเลย.. เข้าใจป่าว” ไอแฉะบรรยายให้ฟัง

“เข้าใจ แล้วก็จริงด้วยว่ะ” ผมตอบ ไอทิดพยักหน้าหงึก ๆ ไอแฉะมันเลยยกเหล้ากระดกแล้วพูดต่อ

“ท่าน อ. คนนั้นเขาก็บอกว่า ทีนี้ ถ้าเราไม่ปรับปรุงพัฒนาเลย งาน ก. ก็ไม่มีทางทำได้ไวขึ้น เพราะทำงานด้วยระบบเดิม ๆ ขณะเดียวกัน งาน ค. ก็จะมีเท่าเดิม ปัญหาก็จะเกิดขึ้นซ้ำซาก เพราะไม่มีการปรับปรุงพัฒนานัก มีแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาไปวัน ๆ และแม้บางทีมีเวลา พนักงานบางคนก็ล้าจากการทำ งาน ก. และ ค. พอว่างก็ขี้เกียจจนไม่อยากทำงาน ข.แล้ว..” ขณะที่กำลังฟังเพลิน ๆ เสียงมือถือไอแฉะก็ขัดการบรรยายของมันเอง มันรับโทรศัพท์นั้น

“…แม่เหรอ มีอะไร …ซื้อกับข้าวไปไว้ให้แล้วไง …ก็บอกมันแล้วไงมากินเหล้าบ้านไอทิด มันบ่นเหรอไง …อ้าวไม่ใช่แล้วแม่มีอะไรป่าวเนี่ย ก็อยู่แค่นี้ไม่ได้ไปไหนหรอก แค่นี้นะแม่…” มันวางโทรศัพท์ไปท่าทางขัดเคืองใจ ยกแก้วเหล้ากระดกแล้วชงใหม่ ผมเลยเป็นฝ่ายพูดขึ้น

“เมียตามรึไง ธุระอะไรป่าว ไปก่อนสิ”

ไอ้แฉะส่ายหัว “แม่โทรมา ไม่ใช่เมีย แต่เมียบ่นอะไรป่าวไม่รู้ แม่ถึงโทรมา อาจคงเพราะกลับมาปุ๊บก็มาหาพวกเอ็งเลยละมั้ง”

“เอ่อ ก็สมควรโดนด่าเหมือนกันนะมึง กลับมาแทนที่จะอยู่กับลูกกับเมียก่อนสักหน่อย” ผมต่อว่ามัน

“อ้าว ไอ้นี่ เดี๋ยวยังไงกูก็ต้องกลับบ้าน ไม่นอนนี่หรอกน่า แล้วนี่กูก็หากับข้าวแวะไปส่งมาให้ก่อนแล้วที่จะแวะไปรับมึงนะนี่ อีกอย่างกูไปอบรม ก็ไปทำงานนะมึง ได้เบี้ยเลี้ยง ไม่ใช่ไปเที่ยวเสียเปล่า ไปทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย เลี้ยงแม่กูเนี่ย มึงเข้าใจมั้ย นี่กูก็อยากพักผ่อนตามประสากูมั่ง” ไอแฉะบ่นกลับมา

“แต่ยังไงมึงก็น่าให้เวลาที่บ้านก่อนสักเดี๋ยวก็ยังดี กินข้าวเย็นกับลูกกับเมียก่อนบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรนะกูว่า เค้าจะได้ไม่โทรมาตามด้วย” ผมเถียงกับมัน

“อ่าว นี่กูไม่น่ารับมึงมาเลยใช่มั้ยเนี่ย” มันต่อว่าผมแล้วหันไปทางไอทิดเหมือนหาพวก

“ที่จริง มึงไม่ผิดหรอก มึงทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเมีย ไหนจะแม่อีก แค่นี้วัน ๆ ก็เหนื่อยจะแย่” ไอทิดพูดขึ้นเรียบ ๆ

“ช่ายยย.. ” ไอแฉะลากเสียงอย่างพอใจคำพูดของไอทิด

“แต่ว่า..” ไอทิดแทรกขึ้นมา “ก็เหมือนเรื่องที่มึงฟังบรรยายมา ก. ข. ค. อะไรของมึงนั่น ไอการที่ต้องหาเลี้ยงลูกเมียก็เหมือนเป็นงาน ก. ของมึง มึงต้องทำมันอยู่แล้ว แล้วไอเวลาที่เขาตามตัวมึง หรือต้องการตัวมึงก็คงเป็นเหมือนงาน ค. แต่มันยังไม่พอ มึงต้องเอาเวลาใส่ใจครอบครัว ให้เวลากับลูกกับเต้าบ้างเหมือนงาน ข. กูว่ามันถึงจะถูก” ไอทิดเอาเรื่องของไอแฉะมาตีความย้อนกลับไป

“ช่ายยย.. ” ผมได้ทีล้อเลียนไอแฉะ

“เออ ๆ งั้นกูกลับแล้ว” มันทำทีลุกเก็บแก้ว ยกขวดเหล้าทำท่าจะเดินหนี

“เห้ย ๆ เดี๋ยวสิ เพื่อน ๆ หวังดีแค่นี้ทำเป็นงอนไปได้” ผมท้วงมันไว้

“กูก็แค่พูดตามที่กูคิดได้ ไม่ได้จะต่อว่าอะไรมึงนะ ฟังเรื่องที่มึงว่า มันเอามาคิดได้แบบนี้จริง ๆ” ไอทิดเหมือนแก้ตัว

ไอแฉะนั่งลงวางขวดเหล้าไว้ที่เดิม แต่แก้วมันกระดกหมดก่อนจะวาง “กูไม่โกรธหรอก รู้จักพวกมึงมานาน พวกมึงพูดดี หวังดีมาตลอด แต่ก็เห็นทำตัวไม่ต่างจากกูหรอกวะ” มันพูดน้ำเสียงปนขำพวกเราไปด้วย “แต่มึงเข้าใจคิดว่ะไอทิด ทีแรกกูก็ปิ๊งที่ อ.เค้าบรรยายมา แต่กูก็คิดแค่เรื่องงาน ว่าส่วนใหญ่ลูกน้องกูก็เป็นแบบเขาพูด..” มันเงียบไปครู่หนึ่ง “ที่จริงไม่ใช่กูไม่อยากให้เวลาหรอก แต่ช่วงนี้ กูกำลังทำผลงาน ได้อีก 2 ขั้น ปีนี้ ปีหน้าอีก รองผอ.คนนี้เกษียณ กูขึ้นแทนแน่ ๆ ก็สบายแล้วกูก็ไม่ต้องดิ้นรนแล้ว มีเวลาให้ลูกเมียเต็มที่ กูถึงรีบลุยทำผลงาน พวกมึงก็รู้ ว่าหน่วยกู คนเป็นรอง รอแก่หน่อยก็ได้ ผอ. ชัวร์ ๆ”

“แล้วลูกเมีย มึงเข้าใจเรื่องนี้ป่าวล่ะ ลูกมึงอ่ะ 4 ขวบ ยังไม่เข้าใจแน่ ๆ ” ผมติงมัน

“เมียกู มันก็น่าจะรู้น่าจะเข้าใจแหละ จะอะไรหนักหนา ก็เห็น ๆ อยู่กูทำงาน ไม่ได้ไปมีกิ๊กที่ไหน” ไอแฉะชี้แจง

“ของแบบนี้ ไม่ใช่ทำตอนไหนก็ได้นะเว้ย การใส่ใจกันมันชดเชยได้ที่ไหน มันต้องทำทุกวัน เพราะคนเราอยู่ด้วยกันทุกวัน ระวังเถอะมันจะสายไป” ผมแย้งมัน

“กูก็คิดว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดอยู่ มึงพูดยังกับกูเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ” ไอแฉะว่าแล้วหันไปทางไอทิด “ไอทิดมึงว่าไง วันนี้มึงพูดเข้าท่า กูให้มึงตัดสิน”

“ถึงกูจะทำงานด้านกฎหมาย แต่เรื่องการบริหาร กูเคยเจอเรื่องเกี่ยวกับ ไคเซ็น เรื่องหนึ่ง พวกมึงรู้จักมั้ย” ไอทิดพูดขึ้นพร้อมส่งสายตาหาคำตอบจากหน้าเราสองคน ผมส่ายหัวไปมา แต่ไอแฉะนักวิชาการมันย่อมรู้

“มึงรู้อะไรบ้างเนี่ย” มันหันมาเหน็บผมก่อนจะพูดต่อ ” Kai แปลว่า Change ส่วน Zen แปลว่า Good รวมกันแล้วคือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ดีขึ้น เป็นหลักของญี่ปุ่น เค้าว่านี่คือเบื้องหลังที่ทำให้ญี่ปุ่นก้าวหน้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องชีวิตครอบครัวกูเนี่ย” ไอแฉะถามกลับ

“ก็ในเมื่อเราพูดกันเรื่อง การบริหารที่เอามาใช้กับการบริหารชีวิตครอบครัวแล้วมึงสองคนเถียงกันกูก็เลยจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เขาว่าเป็น เรื่องจริงที่ Honda อาจารย์เล่าว่ารถ Honda โกลคาร์ด ในสวนสนุกที่ให้เด็กขับชนกัน ทุก ๆ เย็นจะมีการเก็บน๊อตที่หลุดจากรถไปซ่อม โดยต้องพลิกรถดูว่าหลุดจากคันไหน ซึ่งมี 20 คัน วันไหนโชคร้าย ก็เจอในคันสุดท้าย โชคดี เจอตั้งแต่คันแรก มีคนเสนอไคเซ็น ให้ทาสีน๊อต หรือทำเครื่อง หมายให้ตรงกับรถแต่ละคัน ปรากฏว่า เป็นไคเซ็นที่กรรมการตัดสินได้รับรางวัล แต่ก็มีคนแย้งว่า เป็นไคเซ็นที่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นต่อ ควรคิดน๊อตชนิดที่ไม่ หลุดถึงจะเป้นไคเซ็นที่ดี ท่านประธานออกมาสรุปว่า ต้องการไคเซ็นทั้งสองแบบ เพราะแผนกพัฒนากำลังคิดน๊อดชนิดพิเศษนั้นอยู่จริงแต่คาดว่าเป็นปีจะเสร็จ ระหว่างนี้ควรทาสีน๊อตไปก่อน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความคิดที่ดี แต่ยังไม่ถูกนำมาปฏิบัติมีค่าน้อยว่าความเล็ก ๆ ที่ถูกนำมาปฏิบัติแล้ว ดังนั้นหัวใจของการทำไคเซ็น คือทำได้ ทำทันที..” ไอทิดพูดจบมองหน้าเราสองคนที่ยังทำหน้าฉงน

“สรุปว่าไงวะ” ผมถามไอทิดมัน

“ก็สรุป ว่าพวกมึงคิดดีกันแล้ว แต่สิ่งที่ดีควรจะทำสิ่งที่ทำได้ก่อนและไม่ทิ้งสิ่งที่คิดได้ด้วย อย่างตอนนี้ควรเลิกกินเหล้ากันเดี๋ยวนี้กลับไปหาลูกเมียไง ถ้าเปรียบไคเซ็นนี่คือสิ่งดี และตั้งใจทำงานเพื่ออนาคตอย่างที่คิดก็เป็นไคเซ็นที่ดีเช่นกัน” ไอทิดยิ้มกว้าง

“สรุปมึงไม่กินเหล้าแล้วใช่มั้ยวันนี้” ผมถามมัน

มันรีบส่ายหัว “กูวินิจฉัยให้พวกมึงเฉย ๆ ไม่เกี่ยวกับกู” มันรีบกระดกแก้วยืนยันความต้องการ

ไอแฉะมองแก้วเหล้าเงียบ ๆ ครู่หนึ่งแล้วยกขึ้น “งั้นก็ช่างไคเซ็น” มันพูดแล้วกระดกเหล้าตาม

“กูก็ว่างั้นแหละ” ผมกระดกเช่นกัน แล้วเรา 3 คนก็ยิ้มให้กันแก้เก้อ

“เวรกรรม !” เสียงหนึ่งรำพึงแทรกขึ้นมาในตอนนั้นเอง พวกเรา 3 คนหันไปมองตามเสียง เมียไอทิดนั่นเองคงมาแอบยืนฟังอยู่นาน กำลังหันหลังเดินหนีเข้าไปในบ้าน “พูดมาตั้งนานเสียดิบดี..” เสียงเธอยังพึมพำให้ได้ยิน

เรา 3 คนมองหน้ากันแล้วก็ได้แต่หัวเราะอย่างไม่ละอายใจ “ฮ่าๆ ๆ !!” “ก็กูนักวิชาการนี่หว่า ไม่ใช่นักปฏิบัติ ฮ่า ๆ” ไอแฉะพูดทิ้งท้าย

======================================

*บางส่วนนำมาจาก คำบรรยายทางวิชาการ(ขออนุญาติไม่เปิดเผยที่มา)
และอ้างอิงบางส่วนจาก http://www.tpa.or.th

Create Date : 12 ตุลาคม 2550 :ย้ายจากบล๊อกเดิม bloggang

Sirichaiwatt Avatar
วิทยากร คอลัมนิสต์ นักเขียน นักคิด ที่ปรึกษา จากสายด้านธุรกิจ การตลาด สู่การจัดการบุคคลากร และว่าที่นักจิตวิทยาการปรึกษา
แสดงความคิดเห็น