ยังไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้านี้คลิ๊ก ตอนที่ 1, ตอนที่ 2
โดยทั่วไปแล้วการไปประเทศไหนสักประเทศหนึ่ง เมืองที่เรามักจะอยากหรือต้องไป คือ เมืองหลวง เช่นกันกับครั้งนี้ โตเกียวย่อมเป็นเป้าหมายหนึ่งของผม เพราะมี Landmark หรือจุดสำคัญที่รู้สึกว่า ต้องไปเยือนให้ได้ไหนๆ ได้ไปแล้วทั้งที.. (ตอนนี้รูปอาจเยอะสักหน่อย)
เรื่องของการเดินทาง.. การขนส่งมวลชน ผมมองว่าเป็นตัวชี้วัดหนึ่งของการประเทศที่เจริญแล้วได้ว่า ล้วนจะต้องมีคุณภาพสูง แม้ว่าส่วนใหญ่ของการท่องเที่ยวครั้งนี้เราจะเดินทางกันโดยรถยนต์ส่วนตัว แต่ผมก็เลือกหาโอกาสที่จะเดินทางแบบอื่นๆ (ชอบที่จะเก็บประสบการณ์) รถไฟใต้ดิน(ที่ซับซ้อนพอควรในโตเกียว) รถไฟข้ามเมือง(ดีมากๆ) แท็กซี่ รถเมล์ด้วย และขาดไม่ได้คือ ชินคันเซ็น (shinkansen) ขากลับ
ที่คิดไว้ว่าเมื่อมาโตเกียวก็ต้องไป “ย่านสำคัญ” ต่างๆ ที่เด่นๆ ชิบูยะ (Shibuya) ที่เป็นเหมือนเสมือนศูนย์กลาง , อาเมโยโก (Ameyoko) ตลาดนัดแห่งโตเกียว , อาซากุสะ (Asakusa) วัดและย่านเก่าแก่ , ชินจูกุ (Shinjuku) ย่านที่พลุกพล่านเพราะมีสถานีรถไฟหลากหลาย , ฮาราจูกุ (HarajuKu) ย่านของวัยรุ่นเด็กแนว แฟชั่น , อะกิฮาบารา (Akihabara) ย่านศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า เทคโนโลยี เกมส์ , กินซ่า (Ginza) ย่านร้านหรู แฟชั่น ไฮโซ , โอไดบะ (Odaiba) น่าจะถือว่าเกาะย่อย ที่มีสิ่งใหม่ๆ มากมาย
จากทั้งหมดที่กล่าวมา เราจงใจไปจริงจังเพียง 4 ย่าน ที่เหลือเพียง ผ่านๆ และ ย่านโอไดบะยังไม่ได้ข้ามไป (ยังมีเหลือให้แก้ตัวเที่ยวอีกคราวหน้า ฮ่า) ด้วยเวลาจำกัดและหลายๆ อย่าง และจุดแรกที่ตั้งใจไปสุดๆ คือ ชิบูยะ (Shibuya) (สถานที่ต่างๆ ที่ไป อาจไม่ได้เรียงลำดับ และเป็นการท่องเที่ยว 2 วันรวมกัน)
เหตุผลแรกที่ทำให้รู้สึกว่าต้องมาด้วยความเป็นแฟนคลับ ฮาชิโกะ (Hachiko) สุนัขที่โด่งดังมาจากเรื่องราวความซื่อสัตย์จึงมีการสร้างรูปปั้นเป็นอนุสรณ์เอาไว้ และการขาดไม่ได้ในการที่ต้องเดินข้ามแยก ชิบูยะ แยกที่เขาว่าคนข้ามต่อวันมากที่ในโลกแยกหนึ่ง แต่วันที่ไปนั้น ตรงกับวันหยุดยาวของญี่ปุ่น ผู้คนจึงน้อยและบางตา.. (เสียใจ)
ต่อมาคือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) หรือวัดอาซากุสะ (Asakusa) บ้างเรียกวัดโคมแดง ด้วยสัญลักษณ์ประตูเข้าวัด ส่วนตัวมองว่านี่คือที่ที่ คนมักจะมาจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย.. มากเกินไป จนไร้อารมณ์ความเป็นวัด และก็ไม่สวยงามไปกว่า วัดอื่นๆ จนแปลกตา หรือรู้สึก.. สำหรับผมแล้วที่นี่ไม่ค่อยคุ้มเหนื่อย
แม้ย่านวัดเซ็นโซจิ จะมีร้านค้ามากมาย แต่ก็ไม่สนุกเท่าการได้เดินเที่ยวตลาดอาเมโยโก (Ameyako) ทีนี่หากเปรียบก็คล้ายจตุจักร แม้ไม่ได้ใหญ่ หลากหลายเท่า แต่ให้อารมณ์ที่ครบถ้วนในความเป็นตลาดนัด ของกิน ของฝาก ของใช้ มีให้ได้ซื้อ และแนวการขายที่แตกต่าง สำหรับผมถือว่าเดินเพลินดีทีเดียวคุ้มค่าการมาเดินเที่ยว
จุดต่อมาคือย่าน ชินจูกุ (Shinjuku) อาจไม่ได้เดินเต็มที่นัก เพราะหลักๆ เราเข้าไปอยู่ใน Isetan ห้างเก่าแก่และใหญ่มากแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในห้างที่ใหญ่ของญี่ปุ่น ถ้าเป็นห้างที่ถือว่าใหญ่ๆ แบบนี้เราจะเห็นว่าสถาปัตย์ ภายนอกจะค่อนข้างอลังการทีเดียว
ในส่วนต่อมาก็เป็นหนึ่งที่ที่ตั้งใจจะมามากคือ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ถ้าคุณเคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง Always – Sunset on Third Street จะรู้สึกมีพลังงานบางอย่าง..ฮ่า อยู่ในความรู้สึกของที่นี่
จะว่าไปแล้ว การได้ขึ้นไปโตเกียวทาวเวอร์ จะไม่จำเป็นเลย หากได้มาขึ้นที่ Tokyo Sky Tree (*ค่าขึ้นที่นี่แพงกว่า มีสองชั้น ชั้นสองต้องเสียเพิ่ม จากที่ขึ้นมาสองชั้น ขึ้นแค่ชั้นหนึ่งก็สวยงามไม่ต่าง) ที่ถือว่า เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก 634 เมตร จุดชมวิวสูงสุดของโตเกียว ความประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่ในลิฟท์ ด้วยแสงสีเสียง และกระจก ที่รวดเร็วเพียงไม่ถึงนาทีก็ขึ้นสู่ชั้น 350 เมตร บนชั้นแรกก็ได้พบกับภาพความงดงามของเมืองโตเกียว และยิ่งสวยงามไปอีกเมื่อสู่ชั้นสองที่ระดับ 450 เมตร ราวกับได้ชมเมืองอยู่บนฟากฟ้าแห่งโตเกียว จะกลางวันเห็นเต็มตา หรือความงามแสงไฟยามค่ำคืน ก็ทำให้จดจำไปไม่รู้ลืม
เก็บตก โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อย่างที่พูดถึงไปใน 2 ตอนแรกว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ ระเบียบ และภาพพจน์ที่ดีงาม แต่หากมองลึกลงจริงๆ แล้วหากถามผมว่า ขับรถแย่มีบ้างไหม.. มี ทิ้งขยะส่งเดชมีบ้างไหม.. มี ไร้ระเบียบ มารยาทแย่มีบ้างไหม.. มี เพราะไม่มีที่ใดในโลก Perfect ไปได้ การที่ผมได้มีเวลาเดินเที่ยวเรื่อยๆ ลำพังไปตามท้องถนนโดยไม่ได้เจาะจงนั้น ย่อมพบเจอสิ่งเหล่านี้บ้าง เพียงแต่.. สิ่งแย่ๆ เหล่านั้นแอบซ่อนอยู่ และเป็นส่วนน้อย เมื่อส่วนใหญ่คือน้ำดี น้ำเสียเล็กน้อยย่อมไม่สามารถทำให้ขุ่นมัวหรือส่งกลิ่นได้ง่ายๆ และเมื่อส่วนใหญ่ล้วนไปในทิศทางที่ดี ส่วนน้อยจึงเป็นส่วนที่ดูน่ารังเกียจจนไม่อยากทำ ผิดกลับการปล่อยให้มันเป็นเรื่องธรรมดา.. จนแก้ไม่ได้
สุดท้าย การที่ผมได้เที่ยวและอาศัยอยู่ต่างจังหวัดของญี่ปุ่นมาก่อนนั้น โดยรวมแล้วยอมรับว่าโตเกียวมีสถานที่ ให้สนใจ แปลกตา ที่ควรค่ากับการมารู้เห็น แต่อารมณ์และสเน่ห์ของญี่ปุ่นนั้น กลับแตกต่าง ผมชอบ ความเป็นชนบท ความสงบ ความเรียบร้อยในต่างจังหวัดที่รับรู้และรู้สึก คล้ายๆ บ้านเราประการหนึ่งคือ พอเป็นต่างจังหวัดเราไม่รู้สึกถึงความเสแสร้งเท่าใดนัก โตเกียว อาจเป็นเมืองที่พยายามจะเรียบร้อย แต่ไม่มีทางเลยด้วยความเป็นเมืองหลวง หากเทียบกับกรุงเทพฯ ที่วุ่นวาย ไม่สงบ อย่างเปิดเผยตัวตนชัดเจน โตเกียวจึงเป็นเมืองน่าสนใจแต่อาจไม่ประทับใจ เหมือนเราชมการแสดงที่ไร้ข้อผิดพลาดแต่นักแสดงขาดซึ่งอารมณ์ร่วม มุมหนึ่งของภาพที่เต็มไปด้วยความสดใส แต่ภายในแฝงเงียบซึ่งความหดหู่ หากเราดูเพียงผ่านแล้วเพลินตา แต่หากดื่มด่ำยาวนาน ต่างจังหวัดมากมายของญี่ปุ่นให้ความรู้สึกได้ดีกว่า สำหรับผม
พบกันใหม่ตอนหน้า “ไปญี่ปุ่น 1 – ตอน 4 (ตอนจบ) ที่ ที่ได้ไป” อ่านได้ที่นี่ คลิ๊ก ครับ