ที่จริงแล้ว ผมมีเรื่องเขียนได้อีกพอสมควร ทว่า หากหลายตอนเกินไปกลัวจะไม่สนุกและเบื่อกันเสียก่อน เลยพยายามรวบรัดให้จบในแต่ละตอนๆ และตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายไปเลย จึงเป็นตอนที่ยาวและมีรูปเยอะพอสมควร
ย้อนอ่านตอนเก่าๆ ไปญี่ปุ่น 1 ตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอน 3 << คลิ๊ก
ครั้งนี้จะพาเที่ยวเช่นเคย เอาแบบสบายๆ ส่งท้ายกันดีกว่ากับ “ที่ที่ได้ไป” มาหลายๆ ที่ แม้ไม่ใช่ทุกที่ที่ผมไป แต่ก็เลือกๆ ที่นึกออกหรือน่าสนใจมาเล่ามาแชร์ให้ก็แล้วกันครับ
สถานที่แรกที่จะพาไปคือวัด เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นรูปวัดญี่ปุ่นตามโปสเตอร์ ในหนัง หรือหนังสือ หรือสื่อต่างๆ มาบ้าง อาจจะด้วยอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ กันไป แต่สำหรับผมแล้ว ผมค่อนข้างชอบศิลปะที่ทำให้รู้สึกว่า เย็น สงบ มีส่วนของความเป็นเซน (Zen) ผสมอยู่ แม้ไม่ใช่วัดเซน ก็ตาม จากตอนที่แล้วที่กล่าวถึงวัดโคมแดง หรือวัดเซ็นโซจิ (Sensoji) ที่โตเกียวนั่นเป็นวัดที่สองที่ผมไป ต่อจากวัดนี้ วัดเซ็นโกจิ (Zenkoji)
ซึ่งสถาปัตยกรรมวัดนี้สร้างจากไม้บนพื้นฐานงานสร้างไม้ของญี่ปุ่นคือไม่ใช้ตะปูเน้นสลัก การมาบูชาหรือสักการะวัด มักจะมีการล้างมือ ใส่ธูปลงในกระถาง รับควันธูปเข้าตัว เชื่อว่าเป็นการรับสิ่งดีๆ การคำนับ ปรบมือ เป็นธรรมเนียมโดยทั่วๆ ไปผมอาจไม่รู้ละเอียดนักส่วนนี้
แต่สิ่งหนึ่งของที่นี่ภายในวัดนี้จะมีการเดินลอดใต้วัด ซึ่งเป็นที่มืดสนิท ระหว่างนั้นต้องคลำไปตามกำแพงด้านข้างของช่องทางแคบๆ จนกว่าจะเจอสลักประตู แล้วให้เคาะ โดยจุดประสงค์เสมือนว่า เราได้ตายไป แล้วเกิดใหม่ ผมมองว่าเป็นกุศโลบายที่ดีทีเดียว ในการเดินที่มืดต้องมีสติ และความเชื่อมั่นพอสมควร เพราะมืดสนิทจริงๆ
ที่วัดเก่าแก่นี้นอกจากความเก่าแก่ของวัดและซุ้มประตู (Nimon Gate) ขึ้นชื่อแล้ว ที่นี่ยังมีการประดิษฐานพระพุทธรูปของไทยในสมัยอยุธยา ทราบว่าเป็นการถวายโดยในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกด้วย (ห้ามถ่ายรูปภายใน) และด้านบนของวัดสามารถชมส่วนหนึ่งของเมือง Nagano ได้มุมมองที่สวยงามทีเดียว (เสียค่าขึ้น 500 เยน)
ออกมาหน้าวัด มีร้านพริกชื่อดัง (Yawatara Isogoro) ร้านที่ผมได้เขียนถึงลงคอลัมน์ Markethink ในนิตยสาร Foodbook ฉบับที่ 8 นี้ ดังขนาดไหนไม่รู้ รู้เพียงว่ามี Kitkat รสพริกของที่นี่แล้วกัน
ต่อจากวัดพาไปปราสาทบ้าง อีกหนึ่งอนุสรณ์สถานของประเทศ ปราสาทในญี่ปุ่นมีมากมาย บ้างถือว่าเก่า บ้างถือว่าใหม่ บางที่ภายในถูกดัดแปลงเป็นลิฟท์ เพื่อการท่องเที่ยวไปหมด แต่สำหรับที่นี่ ปราสาทมัทซึโมโต้ (Matsumoto Castle) ยังคงสภาพดั้งเดิมไว้ค่อนข้างมาก และเป็นหนึ่งใน 4 ปราสาทที่เป็นมรดกแห่งชาติญี่ปุ่น ความสวยงามและบรรยากาศนั้นคงไม่มีอะไรมากไปกว่า กลิ่นอายของความเก่าแก่ อดีต วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ที่คงจะบอกเล่าให้ซึมซับกันได้ยาก ต้องเกิดแต่คนที่มาเที่ยวชมจะเห็นคุณค่า หรือรับรู้ถึงความรู้สึกเหล่านี้ กันตามแต่ละบุคคล
ผมโชคดีที่อยู่ไม่ไกลนัก นอกจากการเที่ยวชมกลางวันแล้ว อีกคืนหนึ่งมีพิธีบวงสรวงปราสาท ได้มาฟังเพลง และชมพิธีชงชามัทฉะ และอาจารย์ก็มาพูดคุยกับพวกเราเสียนาน เนื่องจากเคยมาเมืองไทย ผมเลยได้ชิมชาถึง 2 ถ้วยด้วยกัน
ที่หน้าปราสาทมัทซีโมโต้ มีร้านหนังสือเก่าแก่ร้านหนึ่ง จริงๆ ผมลืมถ่ายรูปมุมกว้างติดกลับมา จะทำให้เห็นได้ว่า แถวนี้ล้วนเป็นตึกสมัยใหม่ แทรกอยู่ก็เพียงร้านหนังสือร้านนี้ บ่งบอกถึงความเก่าเป็นเอกลักษณ์สิ่งปลูกสร้างของญี่ปุ่นที่สะดุดตาทีเดียว
ที่ต่อมาที่จะพาไปคือ โรงแรมที่ไปออนเซน Tateshina Grand Hotel Takinoyu ซึ่งอาจไม่มีภาพโรงแรมมาฝากมากนัก โดยเฉพาะในห้องอาบน้ำคงไม่สามารถนำมาฝากได้ แต่ถ้าสนใจชมภาพสวยๆ ก็ชมจากเว็บไซต์ของโรงแรมดู http://www.takinoyu.co.jp/hotspa.html (ค่าใช้จ่ายราวหัวละ 20,000 เยน เข้าพักหนึ่งคืน) กลางคืนได้ชมการจุดพลุโชว์เป็นของแถม
ในวันที่เดินทางไปตรงกับวันหยุดยาวของญี่ปุ่น จึงเป็นบรรยากาศที่ผู้คนพากันท่องเที่ยวมากมาย ผมชอบบรรยากาศ “ระหว่างการเดินทาง” ครั้งนี้พอสมควร ไม่แพ้การได้เปิดประสบการณ์ใหม่ แก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นในห้องอาบน้ำอีกด้วย (ฮ่า)
จากนั้นอีกที่ ที่แปลกๆ สนุกหนานดีคือการไป “ขึ้นรถ ลงเรือ” ที่ Suwa lake ทะเลสาบที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ มากนัก ที่ว่าขึ้นรถลงเรือนี้ก็คือ การนั่งพาหนะเที่ยวชมเมืองวนจนไปลงทะเลสาบ และวนขึ้นมาจอดที่ท่ารถดังเดิม (จำราคาไม่ได้ขออภัย) ไกด์นำเที่ยวประจำรถเรือนี้ พูดเก่งจริงๆ ตั้งแต่รถออกจนกลับพูดได้ไม่หยุด แต่เขาจะรู้ไหมผมฟังไม่เข้าใจสักคำ (ฮ่า)
ต่อมาอีกสถานที่หนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับนักช๊อป ถ้ามาแถวจังหวัด Nagano คือ Karuizawa Prince Shopping Plaza Outlet โดยอย่างยิ่งคนชอบแบรนด์เนมมีหลากหลายแบรนด์มากๆ และขอบอกว่าหลายแบรนด์ถูกมาก
สุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุด การได้ไปชมฟาร์มวาซาบิไดโอ (Daio) อำเภอ Matsumoto จังหวัด Nagano ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ (ยิ่งหากคุณชอบกินวาซาบิด้วยแล้วละก็) ได้ชิมวาซาบิสดๆ (อร่อยจริงๆ) ได้ซึ้งว่า การปลูกไม่ง่ายเลย น้ำที่คงอุณหภูมิ 13 องศาตลอดปี การทำร่องน้ำ ที่ต้องสะอาด ระบาย ไหลผ่านทั่วถึงและตลอด ที่นี่ถือว่าเป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะถือว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และในโลกนี้คงไม่มีที่อื่นใหญ่กว่าในญี่ปุ่นแน่ๆ (ฮ่า)
ส่งท้ายภูมิภาคแถวนี้ ลูกพลับปลูกหล่นตามข้างทางมากมาย น่าเสียดายจริงๆ อีกอย่างก็คือเกาลัดที่นี่ลูกใหญ่มากๆ ก็มีมากเช่นกัน
ขอบคุณที่ติดตาม การพาเที่ยว พาชมสิ่งต่างๆ ในมุมมอง อาจขาดตกหล่อนบกพร่องสิ่งใดไปบ้างขออภัยไว้ ณ ทีนี้ครับ